ARTICLE - A , AN
A , AN เรียกว่า Indefinite Articles
วิธีใช้
1. A ใช้นำหน้าคำที่ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ ( consonant sound )
A professor a lawyer a fresh egg
A student a soldier a ripe orange
2. A ใช้นำหน้าคำที่ออกเสียงเหมือนกับขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ
แม้ว่าคำๆนั้นจะขึ้นต้นด้วยสระก็ตาม ( ออกเสียงเหมือนกับพยัญชนะ y )
A European a uniform a united front
A union a university a usual occurrence
A used car a useful book
1. AN ใช้นำหน้าคำที่ขึ้นต้นด้วยสระ ( vowel sound )
An elephant an uncle an old house
2. AN ใช้นำหน้าคำที่ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ " h" แต่เวลาอ่านไม่
ออกเสียง"h" ( silent h ) จะออกเสียงสระตัวต่อไปแทน
An hour an honest girl an honour
3. A , AN ใช้เมื่อกล่าวถึงความเร็ว ( speed ) ราคา ( price )
จำนวน ( number ) และสัดส่วน ( ratio )
The car was going forty kilometres an hour.
รถยนต์วิ่งด้วยอัตราความเร็ว 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
Egg cost fifteen baht a dozen.
ไข่ราคา 50 บาทต่อหนึ่งโหล
4. A , AN นิยมใช้กับสำนวน ( idiomatic phrases ) ได้แก่
to have a headache, to have cold , to have a pain ,
to have a cough , to have a fever
She had a cold yesterday. เธอเป็นหวัดเมื่อวานนี้
He has a pain at his back. เขาเจ็บปวดที่หลัง
ยกเว้น to have toothache, ear ache , influenza , rheumatism
5. A ใช้นำหน้า Mr. / Miss / Mrs. + surname (นามสกุล)
เพื่อแสดงว่าผู้พูดไม่รูจักคนๆนั้นเนื่องจากคนนั้นเป็นคนแปลก
หน้าในสายตาของผู้พูด ผู้พูดไม่เคยพบมาก่อน
A Mr. John has called to see you.
มีคนๆ หนึ่งชื่อจอห์นมาหาคุณ ( แสดงว่าผู้พูดไม่รู้จักมักคุ้นกับนายจอห์น)
A ใช้ในกรณีพิเศษ (Special Uses of 'A' ) ต่อไปนี้
1. A ใช้หลังคำว่า such , what , เช่น
He has such a bad headache that he has to go to bed.
เขาปวดศีรษะจนต้องไปนอน
What a funny place to live!
ถ้าหน้าคำที่ขึ้นต้นด้วยสระ เราก็ใช้ an ได้ด้วยกฎเกณฑ์การใช้ an ที่กล่าวมา
แล้วข้างต้นดังตัวอย่าง
2. A ใช้หลังคำต่อไปนี้ คือ not a , many a , quite a , rather a ดังตัวอย่าง
Not a man volunteered.
ไม่มีใครสักคนอาสาสมัคร
Many a man has volunteered to fight for his country.
มีคนจำนวนมากอาสาสมัครเข้าต่อสู้เพื่อประเทศ
Rather a large crowd gathered to hear the speaker.
มีฝูงชนจำนนมากทีเดียวที่เข้ามาฟังผู้พูด
There was quite a large crowd in the street.
มีฝูงชนมากมายทีเดียวในถนน
3. A ใช้หน้า noun quantifiers ต่อไปนี้ คือ a few , a lot of ,
a little
Would you please give me a few examples ?
คุณกรุณาให้ตัวอย่างสักหน่อยได้ไหมครับ
There are a lot of students in this school.
มีเด็กจำนวนมากในโรงเรียนนี้
Give me a little sugar, please.
ขอน้ำตาลหน่อยครับ
4. A ใช้หลัง so/too + adjective +singular noun ดังตัวอย่าง
She is so sensible a girl to do a thing like that.
เธอเป็นที่มีความรู้สึกไวมากเกินไปจะทำสิ่งนั้น
She is so sensible a girl that she could not do a thing like that.
เธอเป็นคนที่มีความรู้สึกไวมากจนว่าเธอไม่สามารทำงานสิ่งนั้นได้
5. half an hour / a half hour เช่น
She waited for half an hour. ( a half hour )
เธอรอคอยมาเป็นเวลาครึ่งชั่วโมงแล้ว
6. A ใช้ในสำนวน ( idioms ) ต่อไปนี้
ก. หลังกริยา make เช่น
make a bit for ประมูล , พยายามเอา
make a book เป็นเจ้ามือ
make a clean breast of it สารภาพหมดทุกอย่าง
make a fool of หลอก , ต้มตุ๋น
make a fortune ร่ำรวย
make a habit of ทำเป็นเนืองนิจ
make a hole ทรัพย์สมบัติพร่องไป
make a night of it สนุกกันทั้งคืน
make a noise in the world หาชื่อเสียง
make a point of ถือเป็นข้อสำคัญ
make a difference ทำให้แปลก
make a living หาเลี้ยงชีพ
make a start เริ่ม
make a practice of ทำเป็นเนืองนิตย์
ข. หลังกริยา take เช่น
take a trip เดินทาง
take a back seat เป็นช้างเท้าหลัง
take a chance ลองเสี่ยงโชค
take a deep breath หายใจยาว
take a glance มองดู
take a holiday หยุดพักผ่อน
take a photo ถ่ายรูป
take a walk เดินเที่ยว
ค. หลังกริยาอื่นๆ เช่น
do a favor ช่วยเหลือ
become a reality กลายเป็นความจริง
tell a lie โกหก
play a joke เล่นตลก
play a trick เล่นโกง
call a halt หยุด
ช. A ใช้บุพบทวลี (prepositional phrases ) เช่น
in a hurry โดยรีบเร่ง
as a result ผล
as a matter of fact อันที่จริง
as a rule ตามกฎเกณฑ์
for a long time เป็นระยะเวลายาวนาน
ไม่ใช้ A , AN ในกรณีต่อไปนี้
1. นามพหูพจน์ ( plural nouns ) ทั้งนี้เพราะ A , AN
แปลว่า " หนึ่ง" จะนำมาใช้ในความหมายพหูพจน์ไม่ได้
Owls are animal. นกเค้าแมวเป็นสัตว์
Cows give milk. วัวให้นม
Dogs bark. สุนัขเห่า
2. นามนับไม่ได้ ( uncountable nouns ) เช่น advice ,
information , news
, baggage , luggage เป็นต้น
He gave me good advice. เขาให้คำแนะนำที่ดีแก่ฉัน
Furniture makes my room beautiful. เฟอร์นิเจอร์ทำให้ห้องของฉันสวย
หมายเหตุ เมื่อ A , AN ไม่สามารใช้ได้ทั้งกับนามพหูพจน์และนามนับไม่ได้ในกรณี
ีที่ต้องการระบุจำนวนที่ไม่ชี้จำเพาะเจาะจง
อาจใช้ some นำหน้าได้ทั้งกับนามพหูพจน์และนามนับไม่ได้
There is some milk in the bottle. มีนมอยู่บ้างในขวด
I see some student playing football. ฉันเห็นเด็กบางคนกำลังเล่นฟุตบอล
นอกจากนี้ยังสามารถใช้คำสำนวนเหล่านี้กับนามนับไม่ได้
เช่น a little , little , a lot of เป็นต้น
He has a lot of luggage. เขามีกระเป๋าเดินทางมาก
3. นามนับไม่ได้ เช่น glass , wood . iron , stone ,
paper , cloth ,milk , tea , money , grass , corn เป็นต้น
I write on paper. ฉันเขียนบนกระดาษ
Tables are made of wood. โต๊ะทำด้วยไม้
นามนับไม่ได้เหล่านี้ ถ้าต้องการจะใช้แบบนามนับได้
จะต้องเพิ่มกลุ่มคำเข้าไปข้างหน้าคั่นด้วยบุพบท "of "
เพื่อจะบอกจำนวนปริมาณที่แน่นอน
เช่น a bottle of whisky , a pieces of paper , a tin of milk เป็นต้น
4. คำนามนามธรรม ( abstract nouns ) คือ คำนามที่แสดงความรู้สึก
อุดมคติ คำเหล่านี้ไม่มีรูปร่าง จับต้องไม้ได้ เช่น truth ,
beauty , happiness , fear , joy เป็นต้น
Beauty is truth. ความงามคือความจริง
Everyone needs happiness. ทุกคนต้องการความสุข
DEFINITE ARTICLE - THE
The เรียกว่า Definite Article ใช้นำหน้านามนับได้ นาบนับไม่ได้
้นามเอกพจน์และพหูพจน์ ที่ต้องการเจาะจงชี้เฉพาะลงไปว่าเป็นบุคคลนั้น สิ่งนั้น
มิใช่เป็นบุคคลหรือสิ่งของอย่างใดอย่างหนึ่งลอยๆ
วิธีใช้
1. The ใช้นำหน้านามที่ต้องการชี้เฉพาะเจาะจงลงไปว่าเป็นบุคคล
สิ่งนั้น โดยปกติเราจะเห็นว่ามีประโยคที่ชี้จำเพาะอยู่
This is the cat with caught the rat.
นี้คือแมวตัวที่จับหนูตัวนั้นได้
The boy over there is my brother.
เด็กชายคนที่อยู่ตรงนั้นคือน้องชายของฉัน
2. The ใช้นำหน้านามที่มีอยู่เพียงสิ่งเดียว ( only one ) รวมไปถึงชื่อของทะเล , มหาสมุทร , แม่น้ำ , หมู่เกาะ ,
เทือกเขา, (ยกเว้นชื่อภูเขา) , ชื่อประเทศที่มีคำว่า
" united , union , republic " ประกอบอยู่ด้วย
เช่น the Republic of Colombia , the Kingdom of Thailand
, the Dominion of Canada , the British Commonwealth ,
the Netherlands เป็นต้น
The earth moves around the sun.
โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์
The Nile River flow into the Mediterranean Sea.
แม่น้ำไนล์ไหลลงสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
Moscow is the capital of the USSR.
มอสโกเป็นเมืองหลวงของสหภาพโซเวียต
3. The ใช้นำหน้าขั้นสุด ( Superlative ) และลำดับที่
( ordinal number )
Diamond is the hardest substance.
เพชรเป็นวัตถุที่แข็งที่สุด
Broadway is the longest street in the world.
บรอดเวย์เป็นถนนที่ยาวที่สุดในโลก
She was the first woman from here to become a doctor.
เธอเป็นสตรีคนแรกที่นี่ที่เป็นหมอ
4. The ใช้นำหน้าชื่อของเครื่องดนตรี ( musical instruments )
Many children play the piano.
มีเด็กหลายคนเล่นเปียโน
He likes to play the guitar.
เขาชอบเล่นกีตาร์
5. The ที่ใช้นำหน้าคำคุณศัพท์ ( adjectives )
ที่นำมาใช้เป็นคำนาม หมายถึงระดับชั้นของบุคคล เช่น
The old ( คนแก่ )
the dumb ( คนใบ้ )
The young ( คนหนุ่ม )
the sick ( คนป่วย )
The poor ( คนจน )
the injured ( คนที่ได้รับบาดเจ็บ )
The blind ( คนตาบอด )
the Japanese ( ชาวญี่ปุ่น )
6. The ใช้นำหน้าชื่อของภาษาที่มีคำว่า " language " อยู่ด้วย
The Spanish language is easy to study.
ภาษาสเปนเรียนง่าย
7.The ใช้นำหน้าที่เป็นบุคคลหรือสิ่งของที่กล่าวถึงมาก่อนแล้ว ครั้งหนึ่ง
I see some boy and girl. The boys are playing football.
ฉันเห็นเด็กชายและเด็กหญิงบางคน เด็กชายกำลังเล่นฟุตบอล
8. The ใช้นำหน้านามที่เป็นชื่อของอาณาจักรหรือราชวงศ์ ฯลฯ
The Ottoman Empire
The Ming Dynasty
The British Commonwealth of Nations
9. The ใช้นำหน้านามที่เป็นชื่อของทะเลทราย คลอง และป่า
The Suez Canal
The Sahara Desert
The Black Forest
10. The ใช้นำหน้าคำที่ใช้บอกตำแหน่งที่ตั้งภูมิศาสตร์
The south the middle West
The Orient the Near East
The ใช้ในกรณีพิเศษ ( Special Uses of " The " ) ดังต่อไปนี้
1. ใช้ในสำนวน ต่อไปนี้
make the bed wash the dishes
play the fool in the long run
at the mercy of on the order hand
on the whole clean the table
tell the truth by the way
in the least on (the) one hand
on the contrary
ไม่ใช้ THE ในกรณีต่อไปนี้
1. ชื่อประเทศ ที่ไม่มีคำว่า republic , united , union อยู่ด้วย
He lives in Australia.
เขาอาศัยอยู่ในออสเตรเลีย
It comes from Japan.
มันมาจากญี่ปุ่น
2. ชื่อรัฐ, จังหวัด , เมือง เช่น Bangkok , Boston , Kansas , Missouri
ยกเว้น the state of Kansas the state of Oklahoma
the city of Boston the province of Quebec
3. ชื่อโรคภัยไข้เจ็บ ( diseases ) หรือ ความผิดปกติทางกายอื่นๆ
My sister is ill ; she has influenza.
น้องสาวของฉันป่วยเธอเป็นไข้หวัดใหญ่
He has pneumonia.
เขาเป็นโรคปอดอักเสบ
4. ชื่อถนน เช่น Petchbury Road , Brewster Road , Fourth Avenue
5. ชื่อสวนสาธารณะ เช่น Lumpini Park , St. Park , Hyde Park
6. ชื่อมหาวิทยาลัย วิทยาลัย โรงเรียน สถาบัน เช่น
Srinakharinwirot University
Rice College
Darasamutr School
ยกเว้น ในกรณีที่สถานที่เหล่านี้มีบุพบท " of " คั่นอยู่ต้องมี " the"
7. ชื่อตึกและอาคาร เช่น Choke Chai Building , Nation Hall
ยกเว้น
the Empire State Building
the Medical - Dental Building
the Civic Auditorium
the Woolworth Building
the Coliseum
8. ชื่อเกมกีฬา เช่น football , tennis , chess , …….
ยกเว้น ถ้ามีคำประกอบข้างท้ายชื่อของเกมกีฬา จะต้องมี Article
9. ชื่อภาษาที่ไม่มีคำว่า " language " อยู่ด้วย
He likes to study English.
เขาชอบเรียนภาษาอังกฤษ
I can speak French a little.
ฉันพูดภาษาฝรั่งเศสได้นิดหน่อย
John can speak Thai very well.
จอห์นพูดภาษาไทยได้ดีมาก
10. ชื่อมื้ออาหาร , ฤดูกาล ไม่ใช้ "the"
We shall have breakfast in that restaurant.
เราจะทานอาหารเช้ากันในภัตตาคารแห่งนั้น
It is very hot in summer.
อากาศร้อนจัดในฤดูร้อน
11. ชื่อสัญชาติ ( Nationality ) เช่น Thai , Japanese ,
American , Australian
แต่ถ้าหมายถึง ชั้นของบุคคล ต้องมี the เช่น the Japanese คนญี่ปุ่น
12. ไม่ใช่ Article - A,AN,THE กับสิ่งธรรมดาสามัญทั่วไป
(general sense)
Coffee is not good for children to drink.
กาแฟไม่ดีสำหรับเด็กที่จะดื่ม
Honesty is the most important policy for a good government.
ความซื่อสัตย์เป็นนโยบายที่สำคัญที่สุดสำหรับรัฐบาล
13. ชื่อของบุคคลที่มีตำแหน่งหน้าที่ ไม่ใช้ the
14. ปกติไม่ใช้ Article - A,AN,THE หน้ school , market,
church , hospital , prison , bed
ยกเว้น ถ้าต้องการชี้จำเพาะเจาะจงลงไปแน่นอนว่าเป็นสถานที่นั้น
เท่านั้น จึงใช้ the
He has been sent to hospital.
เขาถูกส่งไปโรงพยาบาล
He was sent to prison for robbery.
เขาถูกส่งเข้าคุกฐานลักขโมย
He goes to church.
เขาไปสวดมนต์ที่โบสถ์
การใช้พิเศษ สำนวนต่อไปนี้จะไม่มี Article - A,AN.THE ได้แก่
make friend หาเพื่อน,เป็นเพื่อน
beg pardon ขอโทษ
make haste รีบเร่ง
make conversation พูดคุย
take care of ดูแล,เอาใจใส่
take heart มีใจขึ้น
take revenge ล้างแค้น
take steps จัดการ
by hand ด้วยมือตนเอง
by heart ท่องขึ้นใจ
by accident โดยบังเอิญ
by train (bus ,ship ,plane)โดยรถไฟ(รถยนต์,เรือ,เครื่องบิน)
in trouble ตกอยู่ในภาวะลำบาก
in fact อันที่จริง
on occasion บางครั้งบางคราว
on purpose โดยเจตนา
at last ในที่สุด
at time เป็นบางครั้งบางคราว
by means of โดยวิธี
in comparison with เปรียบเทียบกัน
SOME , ANY , NO , NONE , COMPOUND WORD
Some = จำนวนหนึ่ง มีอยู่บ้าง ใช้ในประโยคบอกเล่า
Any = ใช้แทน some ในประโยคปฏิเสธและประโยคคำถาม
No = not any ( หรือ not a )
วิธีใช้
1. ทั้งสามคำใช้ได้ทั้งกับนามนับได้และนามนับไม่ได้ถ้าใช้
นามนับได้นามตัวนั้น มักจะเป็นพหูพจน์
There is some milk in the jug.
มีนมบ้างอยู่ในเหยือก
Some boy are playing football in the field.
มีเด็กบางคนกำลังเล่นฟุตบอลในสนาม
Are there any books on the shelf ?
มีหนังสือบนหิ้งบ้างไหม
There aren't any (no) books on shelf.
ไม่มีหนังสือบนหิ้ง
There isn't any flour left in the bowl.
ไม่มีแป้งหลงเหลืออยู่เลยในกระปุก
2. เราสามารถใช้ " some " ในประโยคคำถามได ้
ถ้าเราคาดหวังว่าคนๆนั้นจะตอบรับว่า " Yes "
จากการถามของเรา หรือใช้ในการเชื้อเชิญ ( invitation ) หรือการขอร้อง ( request )
Are there some stamps in the drawer ?
( คำตอบที่คาดหวังคือ yes )
มีแสตมป์สักชิ้นบ้างไหม
Won't you have some more buiscuits ? ( เชื้อเชิญ )
คุณจะไม่ทานขนมบิสกิตบ้างหรือครับ
Can I have some more sugar in my coffee, please ? ( ขอร้อง)
ขอน้ำตาลใส่กาแฟหน่อยครับ
3. some , any ใช้เป็นสรรพนามได้
( คือ ใช้ลอยไม่มีนามตามหลัง )
แต่ no จะต้องมีนามตามหลังเสมอ ถ้าจะใช้เป็นสรรพนามต้องใช้ none แทน
( none ไม่ต้องมีนามตามหลัง )
(1) Have you any money ? คุณมีเงินบ้างไหม ?
No, I haven't any. I need some too.
ไม่ ฉันไม่มีเลย ฉันต้องการ(เงิน)บ้างเหมือนกัน
(2) I have no money. ฉันไม่มีเงินเลย
= I have none.
(3) I need none of your books. ฉันไม่ต้องการหนังสือเล่มใดของคุณ
4. Compound word (คำผสม) ที่มาจาก some, any, no ได้แก่
Someone anyone no one
Somebody anybody nobody
Something anything nothing
Somewhere anywhere nowhere
คำผสมเหล่านี้มีวิธีการใช้ ในทำนองเดียวกันกับ some, any และ no
ทุกคำข้างต้นใช้เป็นเอกพจน์เสมอ ฉะนั้นกริยาจึงต้องเป็นกริยาเอกพจน์
There is someone coming up the stairs.
มีบางคนกำลังขึ้นบันได
Both of them have gone somewhere.
ทั้งคู่คงไปที่ไหนสักแห่ง
Is there anybody at the door.
มีใครอยู่ที่ประตูไหม
He isn't anywhere in the house.
เขาไม่ได้อยู่ที่ไหนในบ้าน
EVERYBODY , EVERYONE , EVERYTHING , EVERY
Every = ทุกๆ
Everyone/Everybody = ทุกๆคน
Everything = ทุกสิ่งทุกอย่าง
ทั้ง 4 คำนี้ใช้เป็นเอกพจน์เสมอ กริยาเป็นเอกพจน์
Everybody likes him.
ทุกคนชอบเขา
Everything is in order.
ทุกอย่างเป็นระเบียบดี
Every boy passes the exam.
ทุกคนผ่านการสอบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น