ค้นหาบล็อกนี้

วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Basic Grammatical

Basic Grammatical

     การเรียนรู้เรื่อง Basic Grammatical Pattern (รูปแบบโครงสร้างไวยากรณ์พื้นฐาน) เป็นเรื่องสำคัญสำหรับการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ โดยปกติเจ้าของภาษาจะใช้โครงสร้างเหล่านี้ต่างกันไป ฉะนั้นผู้เรียนจึงควรจะได้ศึกษาถึงโครงสร้างเหล่านี้ก่อน
1. Affirmative Statements
      คือ     ประโยคบอกเล่า ประกอบด้วยโครงสร้างพื้นฐานคือ Subject + Verb + Complement / Object ดังนี้ 


1.1 Subject + Verb   เช่น
Malee walks. มาลีเดิน
1.2 Subject + Verb + Complement  เช่น
They are dogs. พวกมันคือหมา
1.3 Subject + Verb + Object  เช่น
Varee plays a doll. วารีเล่นตุ๊กตา

**ข้อสังเกต**
ก. หลัง Verb ‘to be’ มักจะตามด้วย complement ซึ่งอาจจะเป็นคำคุณศัพท์นาม หรือสรรพนามก็ได้ ตัวอย่างในตาราง
Subject
Verb
Complement
Manop
They
This
is
are
is
handsome
doctors
mine (mine = my pocket)

คำกริยาบางตัวก็ให้ความหมายทำนองเดียวกับ verb ‘ to be ‘ คำกริยาเหล่านี้อาจจะตามด้วยคำคุณศัพท์ก็ได้ ได้แก่ appear, become, feel, look, seem, smell, sound, taste
          
  ตัวอย่าง
Malee feels tired. มาลีรู้สึกเหนื่อย
Virote looks happy. ท่าทางวิโรจน์มีความสุข
They became rich. พวกเขารวย
หลัง become อาจจะตามด้วยนามหรือสรรพนามก็ได้ ตัวอย่าง
Wilai became a doctor. วิไลเป็นหมอ
This car will become ours. รถยนต์คันนี้จะเป็นของเรา
ข. กริยาอื่นนอกเหนือจาก verb ‘to be ‘ มักจะตามด้วยกรรม (object)

ตัวอย่าง
Wichai collects the old things. วิชัยสะสมของเก่า
We saw them. พวกเราเห็นพวกเขา
ค. กริยาบางตัวตามด้วยกรรม 2 ตัว คือ กรรมรอง (indirect object) และกรรมตรง (direct object) ได้แก่ bring, get, give, hand, leave, offer, pass, send, take, tell, read, write, teach, buy, sell, fix, make
     หากกรรม 2 ตัวอยู่ติดกัน จะวาง Indirect Object + Direct Object ตามลำดับ

ตัวอย่าง

Inddirect ObjectDirect Object
I gaveherthe book.
Sura boughtUmikaoa ring
     แต่ถ้าวาง Indirect Object ไว้หลัง Direct Object จะวางโครงสร้างเป็น Direct Object + to / for + Indirect Object

ตัวอย่าง

Direct ObjectTo / ForIndirect Object
I gavethe booktoher
Sura boughta ringforUmikao
     กริยา Deliver, describe, explain, return, say มักจะใช้ตามรูปแบบโครงสร้างข้างล่างคือ Direct Object + to / for + Indirect Object เช่น
The teacher explained the theory to us.
ครูอธิบายทฤษฎีแก่พวกเรา
Anong described her house to me.
อนงค์บรรยายลักษณะบ้านเธอแก่ฉัน

ง. ประโยคที่มี there is, there are, จะวาง there is / there are หน้าประธานตัวจริง
            ตัวอย่าง
There is a boy in this room. มีเด็กคนหนึ่ง
There are many people there. มีคนจำนวนมากที่นั่น

2. Negative Statements

 
        คือ   ประโยคปฏิเสธ สังเกตได้ชัดคือมี not มีหลักการพื้นฐานในการสร้างประโยคปฏิเสธ 2 ประการ คือ

2.1 ในรูป Simple present และ Simple past ที่มี verb 'to be' ให้วาง not หลัง verb ‘to be’ เช่น is not (หรือ isn’t) are not (หรือ aren’t) was not (หรือ wasn’t) were not (หรือ weren’t) และ am not (ไม่มีรูปย่อ)
                        ตัวอย่าง

She is
I was
They are

not
a student.
a student.
students.
    
           ในกรณีที่มีกริยาช่วยอื่น เช่น will, would, shall, should, can, could, may, might, has, have, must เวลาเป็นรูปปฏิเสธให้วาง not หลังกริยาช่วยเหล่านี้
             ตัวอย่าง
She has not arrived yet. หล่อนยังมาไม่ถึงเลย
I can’t come. ฉันมาไม่ได้

2.2 หากประโยคบอกเล่าไม่มีกริยาช่วย ให้ใช้ verb 'to do' กล่าวคือหากเป็น Simple Present ใช้ do, does แต่ถ้าเป็น Past Tense ใช้ did ตามด้วย not คือ do not (หรือ don’t) , does not (หรือ doesn’t) , did not (หรือ didn’t) 
                         ตัวอย่าง



I
He
It
They
do not
does not
does not
did not
like hot drink

3. Affirmative questions 

 
        คือ    การเปลี่ยนประโยคบอกเล่าให้เป็นคำถาม มีหลักเกณฑ์ ดังนี้

3.1 ในรูปประโยคแบบ Simple Present และ Past Tense ที่มี verb 'to be' ให้วาง verb ‘to be‘ หน้าประธาน
          ตัวอย่าง

บอกเล่า: She is a student.
คำถาม: Is she a student? หล่อนเป็นนักเรียนใช่ไหม
บอกเล่า: She was a teacher.
คำถาม: Was she a teacher? เธอเป็นครูใช่ไหม

     ในกรณีที่มีกริยาช่วยอื่น เช่น will, would, shall, should, can, could, may, might, has, have, must ให้วางกริยาช่วยเหล่านี้ไว้หน้าประธาน
          ตัวอย่าง

บอกเล่า: He will be a doctor.
คำถาม: Will he be a doctor? เขาจะเป็นหมอใช่ไหม
บอกเล่า: She can drive a bicycle.
คำถาม: Can she drive a bicycle? เขาสามารถขี่จักรยานได้ไหม

3.2 หากประโยคบอกเล่าไม่มีกริยาช่วย ให้ใช้ verb ‘ to do ‘ มาช่วย เพื่อสร้างประโยคคำถามโดยเอา verb ‘ to do’ หรือ do , does หรือ did วางหน้าประธานของประโยค
           ตัวอย่าง

บอกเล่า:He drives a car.
คำถาม :Does he drive a car? เขาขับรถยนต์หรือเปล่า
บอกเล่า:She used to be a nurse.
คำถาม:Did she use to be a nurse? หล่อนเคยเป็นพยาบาลหรือเปล่า
การตอบคำถามแบบ Affirmative questions คือตอบ Yes / No ทั้งแบบตอบสั้นหรือยาว โดยปกติในการสนทนากันมักจะตอบสั้น
          

 ตัวอย่าง


คำถามตอบยาวตอบสั้น
Is he a driver?Yes, he’s a driver.
No, he isn’t a driver.
Yes, he is.
No, he isn’t
Can you drive a car?Yes, I can drive a car.
No, I can’t drive a car.
Yes, I can.
No, I can’t
Does she drive a car?Yes, she drives a car.
No, she doesn’t drive a car.
Yes, she does.
No, she doesn’t

4. Negative questions

 
       คือ การสร้างประโยคคำถามจากประโยคปฏิเสธ รูปปฏิเสธที่มีกริยาช่วย + not อาจจะย่อเป็น isn’t, aren’t หรืออื่น ๆ แล้ววางหน้าประธานก็ได้ หรือวางกริยาช่วย + ประธาน + not ก็ได้เช่นกัน
     ตัวอย่าง


ปฏิเสธ :She is not a student.

คำถาม :Is she not a student?


:Isn’t she a student? หล่อนไม่ใช่นักเรียนใช่ไหม

ปฏิเสธ:He does not like coffee.

คำถามDoes he not like coffee?


Doesn’t he like coffee? เขาไม่ชอบกาแฟใช่ไหม

การตอบ (Responses) ก็อาจจะเป็น Yes / No ก็ได้แล้วแต่สภาพการณ์เป็นจริงอย่างไรก็ตอบอย่างนั้น
ตัวอย่าง

คำถาม:Isn’t he a student? เขาไม่ใช่นักเรียนใช่ไหม

ตอบ:Yes. ใช่


:No. ไม่ใช่

5. Questions introduced by interrogatives

    Interrogatives คือ คำที่แสดงคำถามประเภท Wh-words เช่น Who, What, Which, Whoes, Whom, When,Where, Why, How
    การสร้างประโยคคำถามโดยมี Interrogatives เหล่านี้ กระทำโดยวาง Interrogatives เหล่านี้ไว้หน้าประโยคคำถามดังนี้

5.1 Who, What, Which, Whose เป็นประธานของประโยคคำถาม สำหรับ What, Which, และ Whose อาจจะมีนามตามหลัง
    Who ใช้เพื่อหมายถึงบุคคล What กับสิ่งของ Which และ Whose กับบุคคลหรือสิ่งของ
    What อาจจะวางอยู่หน้านามเพื่อหมายถึงบุคคลหรือสิ่งของ

5.2 หลัง When, Where, Why และ How การเรียงลำดับคำถามก็เป็นปกติ คือ ตามด้วยกริยาช่วยและประธาน

When:ใช้ถามเวลา
Where :ถามสถานที่
Why:ถามเหตุผล
How:ถามวิธีการ
How ยังใช้กับคำ อาทิ much, many, far, long โดยมีหลักการคือ
How much:ใช้ถามจำนวนของนามนับไม่ได้
How many:ถามจำนวนนามนับได้
How far:ถามระยะทาง
How long:ถามระยะเวลา

6. Questions attached to statements

        คือ คำถามที่ต่อท้ายประโยคธรรมดา หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ Tag questions หรือบางทีเรียก Tail questions
           หลักการสร้างคำถามแบบ Tag questions ก็   คือ


 
StatementTag
บอกเล่า
ปฏิเสธ
ปฏิเสธ
บอกเล่า
     
 ตัวอย่าง
StatementsTag
Anong is here,
He can’t swim very well,
It runs very slowly,
You will help us,
The news proved exciting,
isn’t she?
can he?
doesn’t it?
won’t you?
didn’t it?
      

**ข้อสังเกตุ **
            หากใน statements มีกริยาช่วยอยู่ ให้ใช้กริยาช่วยนั้นทำรูป tag และมีสรรพนามตาม แต่ถ้าหากไม่มีกริยาช่วย ให้ทำรูป tag โดยเอา verb ‘to do’ มาช่วย และตามด้วยสรรพนาม

ในเรื่อง tag questions นี้มีหลักเกณฑ์ที่ควรทราบดังนี้
6.1 statement ที่มีประธานจำพวก everybody, everyone, everything, somebody, someone, something, nobody, no o­ne, nothing, anybody, anyone, anything ใน tag จะใช้ “กริยาช่วย + they ?”
       ตัวอย่าง

Anybody can go out, can’t they ?
No o­ne is waiting inside, are they

6.2 statement ที่มีคำหรือข้อความเชิงปฏิเสธ อาทิ seldom, rarely, never, scarcely, barely, hardly, little, few, o­nly ใน tag จะใช้ “กริยาช่วยรูปบอกเล่า + สรรพนาม ? “
      ตัวอย่าง

Manee scarcely seems to care, does she ?

6.3 statement ที่ ขึ้นต้นด้วย Les’s (=Let us) ใน tag จะใช้ shall we? แต่ถ้าขึ้นต้นด้วย Let me / him / her ใน tag จะใช้ will you?
      ตัวอย่าง

Let’s go to the zoo, shall we ?

6.4 statement ที่เป็นคำสั่ง (commands) คือ มีคำกริยาขึ้นต้นประโยคโดยไม่มีคำว่า please รวมอยู่ด้วย ใน tag จะใช้ will you ?
       ตัวอย่าง

Stop playing in class, will you ?

6.5 statement ที่มี 2 clauses คือมีทั้ง main clause (ประโยคหลัก) และ subordinate clause (อนุประโยค) ในtag จะใช้รูปตามกริยา ใน main clause
      ตัวอย่าง

She said she wouldn’t reveal my secret, would she ?

6.6 statement ที่มีรูปกริยาเป็นรูปย่อ เช่น ‘d better (=had better)’d rather (=would rather) หรือ ‘d go (=would go) ใน tag จะต้องใช้ให้ถูกต้อง
       ตัวอย่าง

You’d better tell the truth, hadn’t you ?

Responses to tag question การตอบคำถามที่เป็น tag มีหลักเกณฑ์ ดังนี้

ก. ถ้า statement เป็นคำบอกเล่า คำตอบน่าจะเป็น Yes แต่ถ้าหากไม่เห็นด้วยก็อาจจะตอบ No ก็ได้
           ตัวอย่าง

A : Suree is here, isn’t she ?
B: Yes, she is.
A: Suree is here, isn’t she ?
B: No, she isn’t
ข. ถ้า statement เป็นปฏิเสธ คำตอบน่าจะเป็น No แต่ถ้าไม่เห็นด้วยก็อาจจะตอบ Yes ก็ได้
             ตัวอย่าง

A: Suree isn’t here, is she ?
B: No, she isn’t หรือ
A: Suree isn’t here, is she ?
B: Yes, she is.

7. Requests and Commands

    Requests คือ ประโยคขอร้อง
    Commands คือ ประโยคคำสั่งในตัวอย่างต่อไปนี้มีทั้งแบบประโยคคำสั่ง พร้อมทั้งคำตอบ

ประโยคข้อร้อง / คำสั่งคำตอบ
Come here. (คำสั่ง)Wait a minute.
Please sit down. (ขอร้อง)Thank you.
Close the door, please. (ขอร้อง)Sorry, I’m busy.
Hand in your paper, please. (ขอร้อง)I haven’t finished yet.
Let,s go now.All right.
  **หมายเหตุ ประโยคขอร้องมักมี คำว่า please หรือมี คำว่า Let’s รวมอยู่
    ประโยคขอร้องและคำสั่ง พบได้บ่อยตามป้ายประกาศต่าง ๆ โดย ทั่วไปจะขึ้นต้นด้วยกริยาช่องที่หนึ่ง
ในกรณีสั่งให้ทำ และจะขึ้นต้นด้วย Do not + V1 หรือ Don’t + V1 ในกรณีสั่งห้าม
     ตัวอย่าง

DO NOT ENTER.= ห้ามเข้า
KEEP OFF THE GRASS.= ห้ามเดินบนสนามหญ้า
LISTEN= ฟัง
STOP= หยุด
LOOK= ดู
**ข้อสังเกต**
DON’T SMOKE = ห้ามสูบบุหรี่
NO SMOKING













ขอบคุณที่มา http://blog.eduzones.com

Enlish Idiom

A poor workman blames his tools. รำไม่ดีโทษปี่ โทษกลอง

A bird in the hand is worth two in the bush. สิบเบี้ยใกล้มือ / กำขี้ดีกว่ากำตด

Absence makes the heart grow fonder. ยิ่งห่างไกล ยิ่งคิดถึง

An eye for an eye, a tooth for a tooth. ตาต่อตา ฟันต่อฟัน

A tree is known its fruit. สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล

As a man sows , so shall he reap. ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว

A leopard cannot change his spots.ชาติเสือไว้ลาย

Actions speak louder than words. การกระทำดีกว่าคำพูด

A friend in need is a friend indeed. เพื่อนแท้ คือเพื่อนในยามยาก

After a storm comes a calm.ฟ้าหลังฝน

A good beginning makes a good ending. เริ่มต้นดี มีชัยไปกว่าครึ่ง

A good man in an evil society seems the greatest villain of all. A picture is worth a thousand words. สิบปากว่า ไม่เท่าตาเห็น

Barking dogs seldom bite.หมาเห่าไม่กัด

Beauty is in the eye of the beholder. ความสวยอยู่ที่ตาของคนมอง

Beauty is only skin deep, but ugly goes straight to the bone. สวยแต่รูป จูบไม่หอม

Better to be thought a fool, than to open your mouth and remove all doubt. คนฉลาดแกล้งโง่ / คมในฝัก

Better late than never. มาช้าดีกว่าไม่มา


Bitter pills may have blessed effects. ขมเป็นยา

Blood is thicker than water.เลือดข้นกว่าน้ำ

Cast Pearl before swine. สีซอให้ควายฟัง

Carrying coals to Newcastle. เอามะพร้าวห้าวไปขายสวน

Cross the stream where it is the shallowest. รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง ???


Don't count your chickens before they're hatched.ไม่เห็นน้ำอย่าพึ่งตัดกระบอก ไม่เห็นกระรอก อย่าพึ่งโก่งหน้าไม้

Don't cross a bridge until you come to it. อย่าตีตนไปก่อนไข้

Don't judge a book its cover. อย่าตัดสินคนจากภายนอก

Don't make a mountain out of a molehill." - อะไร หมายความว่าอย่า โอเวอร์ หว่า???)

Every birds thinks its own nest beautiful.นกน้อยทำรังแต่พอตัว

Eat to live, don't live to . จงกินเพื่ออยู่ อย่าอยู่เพื่อกิน

Easy peasy lemon squeezy. ของง่ายๆ กล้วยๆ

Every cloud has a silver lining. ชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน

Every coin has two sides. เหรียญมีสองด้านเสมอ

Every day is a new beginning.แต่ละวันคือการเริ่มต้นใหม่

Every disease will have its course.Every dog has its day. จะมีวันของเรา / ทีใครทีมัน

Every rule has its exception.กฏทุกข้อมีข้อยกเว้น

Every path has its puddle. ชีวิตไม่ได้โรยไปด้วยกลีบกุหลาบ

Faith will move mountains.ความเชื่อมั่นจะก่อให้คนเราสามารถทำอะไรที่ยากเย็นสาหัส  หรือแม้แต่เป็นไปไม่ได้   ให้เป็นไปได้ขึ้นมา
ความหมายอีกอย่างคือ สามารถบุกน้ำลุยไฟเพื่อใครสักคนที่มีสำคัญในความรู้สึกกับเรามากๆ  

First come, first served. มาก่อนได้ก่อน

Fine feather makes fine bird. ไก่งามเพราะขนคนงามเพราะแต่ง

Forbidden fruit is the sweetest. ยิ่งห้ามยิ่งยุ

Friend in need is a friend indeed. เพื่อนยามยากคือเพื่อนแท้

He that grasps too much , holds nothing fast. โลภมากลาภหาย

He who laughs last laughs best.หัวเราะทีหลัง ดังกว่า

His bark is worse than his bite.ดีแต่พูด / ละเลงขนมเบื้องด้วยปาก

History repeats itself. ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย

If you keep your mouth shut, you won't put your foot in it. พูดไปสองไพเบี้ย นึ่งเสียตำลึงทอง

It's better to have loved and lost than never to have loved at all. อกหักดีกว่ารักไม่เป็น

It's never too late to mend. ไม่มีคำว่าสาย (ที่จะแก้ไข) / ไม่มีอะไรที่สายเกินแก้

Jack of all trades, master of none. ทำได้ทุกอย่าง แต่ไม่ชำนาญสักเรื่อง/ ท่าดีทีเหลว/ งูๆ ปลาๆ

Kill not the goose that laid the golden egg. อย่าทุบหม้อข้าวตัวเอง

Kill two birds with one stone. ยิงปืนนัดเดียว ได้นกสองตัว

Knowledge is power.ความรู้ คือ อำนาจ

Laughter is the best medicine. หัวเราะ คือ ยาวิเศษ

Like father , like son. ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น

Like water off a duck's back.น้ำท่วมหลังเป็ด

Little little and bit bit. เก็บเล็ก ผสมน้อย

Little enemies and little wounds must not be despised.Little things mean a lot. สิ่งเล็กน้อยที่ยิ่งใหญ่

Make hay while the sun shines. น้ำขึ้นให้รีบตัก

Never put off till (until) tomorrow what you can do today. อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง

No gain without pain.ไม่เจ็บ ไม่จำ

One man's meat is another man's poison. - ลางเนื้อชอบลางยา

Practice makes perfect. การฝึกฝน ทำให้ชำนาญ

Raining cats and dogs.ฝนตกหนักไม่ลืมหูลืมตา

Rules are made to be broken. กฏมีไว้แหก

Scratch my back and I will scratch yours. น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า

Seek and ye shall find. หาแล้วจะเจอ

Set a thief to catch a thief. เกลือจิ้มเกลือ

Spare the rod , spoil the child. รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี

Strike while the iron is hot. ตีเหล็กเมื่อร้อน / ตีเหล็กเมื่อแดง กินแกงเมื่อร้อน

Still waters run deepest.น้ำนิ่งไหลลึก

The grass is always greener on the other side of the fence.จงพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่

The pot calls the cettle black. ว่าเขาอิเหนาเป็นเอง

There's no place like home.ไม่มีที่ไหนสุขใจเหมือนบ้าน

Think before you speak.คิดก่อนพูด

Time is money.เวลาเป็นเงินเป็นทอง


Too many cooks spoil the broth.มากคนก็มากความ

Two heads are better than one. คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย

Treat them mean, keep them keen." เป็นหญิงต้องไว้เชิง

When the cat?s away the mice dance will play. แมวไม่อยู่หนูร่าเริง

When in Rome do as Roman do.เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม

When you hear hoofbeats, think horses, not zebras. เส้นผมบังภูเขา

When your only tool is a hammer, every problem looks like a nail.ถ้าเรารู้จักหนทางแก้ปัญหาอยู่ทางเดียว  เราก้อจะมีมุมเดียวในการมองปัญหา

Where one door shuts, another opens.ทุกปัญหามีทางออก

Where there's a will there's a way. ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น

Who keeps company with the wolves, will learn to howl.เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม
 
Why have a dog and bark yourself? เป็นเจ้านายที่ไม่ไว้ใจผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชา ต้องลงมือทำเองทุกอย่าง

Wide ears and short tongue are the best.ฟังให้มากพูดให้น้อย

You cannot get blood out of a stone. ขูดเลือดกับปู

You can catch more flies with honey than with vinegar.น้ำร้อนปลาเป็น น้ำเย็นปลาตาย

You can lead (take) a horse to water but you can't make it drink. อะไรสักอย่างคล้ายๆ อย่าข่มเขาโคขืนให้กลืนหญ้า

You never know what you've got till it's gone." ไม่รู้ค่าของในมือ จนกว่ามันจะหลุดลอย ไก่ได้พลอย

sleeping partner เสือนอนกิน

sleep around มีเพศสัมพันธ์กับ (โดยเฉพาะผู้หญิงมีเพศสัมพันธ์กับคนหลายคน)

วันจันทร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2557

living room ห้องนั่งเล่น

วันนี้เรามาดูคำศัพท์เกี่ยวกับคอนโดมิเนียมในส่วนของห้องนั่งเล่นกันนะจ๊ะ

living conditions(n) สภาพความเป็นอยู่

The living conditions in my new condominium are great.

สภาพความเป็นอยู่ในคอนโดมิเนียมใหม่ของฉันเยี่ยมมาก

cost of living (n) ค่าครองชีพ

The cost of living is high in this city.

ค่าครองชีพในเมืองนี้สูง

living creature (n) สิ่งมีชีวิต

Please don't step on that spider,it's a living creature.

อย่าเหยียบแมงมุมตัวนั้นนะ มันเป็นสิ่งมีชีวิต

roommate (n) เพื่อนร่วมห้อง

I have a new roommate this year.

ปีนี้ฉันมีเพื่อนร่วมห้องคนใหม่

room service (n) รูมเซอร์วิส   บริการเสิร์ฟอาหารหรือส่งของห้องพัก

Can you call room service? We need more ice.

โทรเรียกบริการของห้องพักให้ทีสิ เราอยากได้น้ำแข็งเพิ่ม

room temperature (n) อุณหภูมิห้อง

This dish is best served at room temperature.

อาหารจานนี้เสิร์ฟที่อุณหภูมิห้องจะดีที่สุด

room for improvement ห้องที่ต้องปรับปรุง

The house is nice, but there is room for improvement.

บ้านหลังนี้สวยดี แต่มีห้องที่ต้องปรับปรุง

roomy (adj.)กว้าง

This living room is so roomy.

ห้องนั่งเล่นนี้กว้างมาก




วันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2557

vocabulary

Succumb / Yield / Surrender = (v)ยอมแพ้ ยอมจำนน

Nothing lasts forever.ไม่มี อะไร อยู่ได้ตลอดไป

Transcend (v) = อยู่เหนือ อยู่นอกเหนือ

Uncanny = weird = mysterious (adj) = แปลกประหลาด

Inevitable (adj) - หลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น Change is inevitable.

Destine (v) กำหนดไว้ล่วงหน้า

Destiny (n) โชคชะตา

Be about to = be going to = กำลังจะ

To pay attention to = สนใจกับ

Decline / Decrease / Wane = (verb) ลดลง ลดลง เรื่อยๆ

Defraud (verb) = โกง หลอกลวง

Fraud (noun) = การโกง

anticipate / anticipation รอคอยอย่างคาดหวัง

expect / expectation คาดหวัง

*** 2 คำนี้ (anticipate , expect) มีความหมายใกล้กันมาก expect จะเป็นอะไรที่มั่นใจว่าจะเกิดขึ้น แต่ anticipate จะเป็นหวังว่าจะเกิดขึ้น

เช่น My expectation is that John and Mary will get married.

My anticipation is that they will be married in June next year.

Simplicity = ความเรียบง่าย

Patience = ความอดทน

compassion = ความเมตตา

To get me through the day = เพื่อที่จะได้ผ่านพ้นไปในแต่ละวัน

To get me through the night = เพื่อที่จะได้ผ่านพ้นไปในแต่ละคืน

Take a chance = ลองเสี้ยงโชค

Take a risk = ลองเสี่ยงดู

Make a decision / Make up my mind / Decide แปลว่า ตัดสินใจ

effect (n) แปลว่า ผลกระทบ

affect (v) แปลว่า มีผลกระทบ


















ขอบคุณที่มา  http://eazyclass.com

English Sentences ตอนที่ 1

A rote learning. การเรียนแบบท่องจำ

Fall in love when you’re ready, not when you’re lonely.
ให้ตกหลุมรัก ตอนที่คถณพร้อม ไม้ใช่ตอนที่คุณเหงา


Some people will never change, and you have to accept that.
คนบางคนไม่มีทางเปลี่ยนได้หรอก คุณต้องยอมรับมัน


someday you won't remember.
สักวัน คุณก็จำไม่ได้เอง


get to know ทำความรู้จัก

get along เข้ากันได้


get over จบลง สิ้นสุด


get away หนี หลีกเลี่ยง
 
 


I wanna be with you.
ฉันต้องการอยู่กับคุณ
 

 
Do not mock me! อย่ามาเยาะเย้ยฉันนะ

Watch out for this guy, he's a troublemaker. ระวังคนๆนี้ไว้นะ เขาเป็นตัวก่อปัญหาล่ะ

I will keep that in mind. ฉันจะจำใส่ใจไว้

What a perfect match! ช่างสมกันดีจริงๆ

She has a crush on him. เธอแอบปิ้งเขาอยู่

There you go again making me love you. เอาอีกแล้วนะ คุณทำให้ฉันหลงรักคุณอีกแล้ว

I heard that you two already knew each other. ฉันได้ยินมาว่าเธอทั้งสองรู้จักกันมาก่อนแล้ว

Now you can forget someone like him. ตอนนี้เธอก็สามารถที่จะลืมคนอย่างเขาได้แล้ว

We should go on a date sometimes. เราควรจะออกเดทด้วยกันบ้างเป็นบางครั้งคราวนะ

Ok, let's do it. ได้เลย ไปเดทกันเถอะ

I ruined her life. ฉันทำลายชีวิตของเธอ

Why you look so down again? ทำไมเธอถึงได้ดูซึมเศร้ามากๆ อีกล่ะ

When I see you, I can't help but want to tease you. เห็นเธอทีไร ฉันอดไม่ได้ที่อยากแกล้งเธอทุกที

I'm excited but nevous at the same time. ฉันตื่นเต้นดีใจแต่ก็รู้สึกตกประหม่าในเวลาเดียวกัน

Will I be able to do a good job? ฉันจะสามารถทำงานได้ดีไหมนะ

Good job! You did a good job! ทำดีมาก! เธอทำงานได้ดีมาก!

Is it that fun to make fun of me? สนุกนักหรือไงที่ได้แกล้งฉันน่ะ

You are a cold hearted person. เธอมันคนไร้หัวใจ(เย็นชา)

You look very relieved. Why's that? เธอดูผ่อนคลายนะ ทำไมหรือ

He was telling me about all the great things he intended to do. เขาได้บอกฉันถึงเรื่องยิ่งใหญ่ทั้งหมดที่เขาตั้งใจจะทำ

Do you miss me like I do? แปลว่า คุณ คิดถึงฉัน เหมือนที่ฉันคิดถึงคุณมั้ย

Disappointment is only for those who expect too much.
ความผิดหวัง มักจะเกิดกับคนที่คาดหวังมากเกินไป


My laziness is exactly as the number 8. If it lays down, it becomes infinite.
ความขี้เกียจของฉันก็เหมือนเลข 8 ถ้าเอนลงก็จะกลายเป็น ∞
 
 


I wasn't born yesterday. - ฉันไม่โง่นะ

Don't let me down. อย่าทำให้ฉันผิดหวัง