ค้นหาบล็อกนี้

วันศุกร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2555

How to prevent wrinkles

วันนี้จะเสนอคำศัพท์ความงามบ้างนะจ๊ะ

How to prevent wrinkles = ป้องกันริ้วรอย(เหี่ยวย่น)อย่างไร

crow = นกกา เสียงไก่ขัน; (ไก่)ขัน, (เด็ก)ร้องแบบดีใจ (เสียงคิกคิก)

crow's feet = รอยตีนกา

wrinkle = รอยย่นบนใบหน้า ริ้วรอย, ทำให้ยับ ทำให้ย่น

ตัวอย่าง

Look! Your crow's feet disappear! = ดูซิ! รอยตีนกาของคุณหายไป!

The cock crew yesterday. Today it crows. = เมื่อวานนี้ไก่ตัวผู้ขัน (crew = อดีตของกิริยา crow). วันนี้มัน (ก็) ขัน.

Our blog readers have no wrinkles. นักอ่านบล็อกของเราไม่มีริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า.

They are happy. พวกเขามีความสุข.

They know how to prevent wrinkles.  พวกเขารู้วิธีป้องกันริ้วรอย.

Our clothes have no wrinkles. เสื้อผ้าของเราไม่มีรอยยับ.

They are wrinkle-free. มันเป็นชนิดไม่ยับง่าย (wrinkle = รอยยับ; free = ฟรี ปราศจาก)

Be happy & be wrinkle-free.' = "ขอให้มีความสุข และขอพึงเป็นผู้ปราศจากริ้วรอย(เหี่ยวย่น) ^_^

Credit : Wikihow > How to prevent wrinkles.

วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

FOR

FOR ใช้กับเวลา แปลว่า "เป็นเวลา....." ตามด้วยช่วงเวลาที่บอกว่า นานเท่าไร ใช้ได้กับทุก tense และ for อาจจะละออกจากประโยคได้

ถ้าใช้ for กับ present perfect จะแสดงอาการกระทำในปัจจุบัน และ for ใช้ถามกับ how long

 • For (ละ for ได้) how long have you worked on this book?

 • I have worked on this book for two months. (แต่ How long ago (หรือ When) did you start to work on this book? I started to work on this book two months ago.)

for ในความหมายอื่นๆ

 for ever = ตลอดไป

 for life = ตลอดชีวิต

 for fear that = ด้วยกลัวว่า

 for want of หรือ for lack of = เพราะไม่มี....

 for all = despite ทั้งๆ ที่ (For all his wealth, he was unhappy.)

 for all that = ทั้งๆ ที่เป็นเช่นนั้น (ใช้เหมือน although)

 for all I know = ฉันจะไปรู้หรือ (He may be in Bangkok for all I know.)

 for certain = โดยแน่นอน

 credit : http://www.myfirstbrain.com

ONLY

ONLY หมายความว่า "เพียงแต่.....เท่านั้น" ใช้วางไว้หน้าคำที่มันขยาย

Only my uncle lent me 50 baht. = มีแต่ลุงของฉันเท่านั้นที่ให้ฉันยืมเงิน 50 บาท
My uncle only lent 50 baht. = ลุงของฉันแค่ให้ฉันยืมเงิน 50 บาท
My uncle lent only me 50 baht. = มีฉันคนเดียวเท่านั้นที่ลุงให้ยืมเงิน 50 บาท
My uncle lent me only 50 baht. = ลุงของฉันให้ฉันยืมเงินเพียง 50 บาทเท่านั้น

(ถ้าคำที่ only ขยายเป็นตัวสุดท้าย เอา only มาอยู่หลังได้ only 50 baht = 50 baht only)

ถ้า only แทรกระหว่าง คำแสดงเจ้าของ กับ คำนาม จะหมายความว่า "ที่มีเพียงหนึ่ง"

• my only uncle = ลุงคนเดียวของฉัน

• his only son = ลูกชายคนเดียวของเขา

• his only arm = แขนที่เขามีเพียงข้างเดียว

     การใช้ only (that) ในความหมายว่า "เพียงแต่ว่า + clause ที่แสดงความจริง" (และ main clause ข้างหน้าจะตรงข้ามกับความจริง)

• He would probably do well in the examination only that he gets rather nervous.

(ส่วนหน้า ตรงข้ามความจริงในปัจจุบัน ใช้ would + V1 ส่วนหลัง only that เป็นความจริงในปัจจุบันใช้ gets และ only ที่ใช้ในความหมายนี้ สามารถใช้ except และ but แทนได้)

     only เมื่อขยาย noun + adj. clause

adj. clause จะไม่มี comma และใช้ that เป็น relative pronoun ถ้า only นั้น ทำหน้าที่แยกคำนามนั้น ออกมาจาก ".....อื่นๆ" เช่น

 - He is the only student that I saw there. (แยก student ออกมาจาก student อื่นๆ)

adj. clause จะมี comma และใช้ that ไม่ได้ ถ้า only ขยายคำนามนั้น เพื่อแสดงว่า "มีเพียงหนึ่ง" (คือ ไม่ได้แยกคำนามนั้น จาก ".....อื่นๆ") เช่น

- My only uncle, who lives in Phuket, is rich. ("ลุงคนเดียวของฉัน" - ไม่ได้แยกลุงนี้ ออกจากลุงอื่นๆ)


credit : http://www.myfirstbrain.com

วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2555

to cheat on...

To Cheat On คืออะไร เริ่มจากคำว่า Cheat แปลว่า โกง เบี้ยว หรือ ไม่ทำตามสัญญา แต่หากนำมารวมกับ คำบุพบท on แล้ว จะทำให้ความหมายเปลี่ยนไป ดังนั้น cheat on จึงมีความหมายว่า นอกใจ มาดูตัวอย่างการใช้สำนวนภาษาอังกฤษคำนี้กัน

His wife is suspecting that he is cheating on her.
เมียเขากำลังสงสัยว่า เขากำลังนอกใจเธออยู่

ส่วนอีกตัวอย่างจะใช้ cheat เฉยๆ

Are you cheating me?
คุณกำลังโกงฉัน


cheat on the wife = นอกใจภรรยา

hit on the chicks = จีบสาว ๆ

ฺBe playful but don't be player. = เป็นคนขี้เล่นแต่อย่าเป็นคนเ้จ้าชู้

cheat on = การนอกใจ

hit on = การจีบ

bachelor = หนุ่มโสด

player = คนเจ้าชู้

play boy = หนุ่มเจ้าชู้

play girl = สาวเจ้าชู้

play ful = คนขี้เล่น

monogamy = รักเดียวใจเดียว



a lion would never cheat on his wife.But a tiger would.

credit by Chris Delivery


วันอาทิตย์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2555

English Idioms : keys

keys (slang)
= หน่วย กก.ของกัญชา, โคเคน, เฮโรอีน
ความหมาย:
วิธีการอ่านที่ถูกต้อง ต้อง Ki’s ซึ่งย่อมาจาก "กิโลกรัม"
keys ในที่นี้หมายถึง "หน่วยกิโลกรัมของยาเสพย์ติด เช่น กัญชา, โคเคน, เฮโรอีน
เช่น "keys of coke" (โคเคนหลายกิโลฯ)

เช่น
It isn’t wise to give keys to your brother.มันไม่ฉลาดเลยที่จะหยิบยื่นยาเสพย์ติดให้กับน้องชายของคุณ

English Idioms : hissy fit

hissy fit (slang)
= ฉุนเฉียว / เกรี้ยวกราด
= ระเบิดอารมณ์

Syn:
- tantrum.
- a fit of anger, bad temper.

ตัวอย่าง:
- Just because I forgot your birthday, theres no reason to throw a Hissy Fit.แค่ผมลืมวันเกิดเธอ ไม่เห็นจำเป็นจะต้องวีนแตกเลย

English Idioms :la-la land

la-la land (slang)
= ห้วงฝัน / โลกส่วนตัว
= แดนฝัน / แดนหรรษา
= วิงเวียน / วูบ
= เมืองแอล.เอ.

slang อันนี้หมายถึง
- "ห้วงฝัน" - - "การหลุดออกจากโลกแห่งความเป็นจริง" - - "อยู่ในโลกส่วนตัว"
(ลองนึกถึงอารมณ์ตอนที่คุณฮัมเพลง "ล๊า ลา ล่า ล๊า" อยู่ในอ่างอาบน้ำ)
- การอยู่ในสภาวะจิตใจล่องลอย, สลึมสลือ หรือวิงเวียน
- สถานที่ๆขึ้นชื่อในเรื่องกิจกรรมบันเทิง สรวลเสเฮฮา ชิลๆ
- เมือง L.A. (Los Angeles) ซึ่งมีที่มาทั้งจากชื่อย่อ L.A. และยังเป็นการเหน็บแนมถึงลักษณะของคนในเมืองนี้ด้วย
เช่น
That air-headed chick seems like she’s in la la land. She doesn’t know what in the world is going on.เจ้สมองกลวงนั่นดูเหมือนจะอยู่ในโลกแห่งความฝัน เธอไม่รู้หรอกว่าโลกจะเป็นยังไงบ้าง.

English Idioms : find your feet

find your feet
= คุ้นชิน / คุ้นเคย
= ปรับตัว / ปรับสภาพ
= เข้าที่เข้าทาง

ความหมาย:
สำนวน "find your feet" หมายถึงการเริ่มคุ้นเคยกับสถานที่ใหม่ หรือสถานการณ์


เช่น
- I’ve only been at this job for a few months. I’m just finding my feet. ชั้นทำงานนี้ได้แค่ไม่กี่เดือน ชั้นพึ่งจะเริ่มคุ้นเคย

- Chevchenko needs time to find his feet in Premier League.เชฟเชนโก้ต้องการเวลาเพื่อปรับตัวให้เข้ากับฟุตบอลพรีเมียร์ลีก

Excuses and Apologies การกล่าวคำขอโทษ สำนวนที่ใช้กันมากๆ



Excuses and Apologies การกล่าวคำขอโทษ สำนวนที่ใช้กันมากๆ ตามนี้เลย

- Excuse me. ขอโทษครับ (ค่ะ)

- Pardon me. ขอโทษครับ (ค่ะ)

- Excuse me for being late. ขอโทษทีฉันมาช้า

- I'm so sorry. ฉันขอโทษเป็นอย่างสูง

- I'm very sorry. ฉันขอโทษเป็นอย่างมาก

- I'm very sorry for not coming yesterday. ฉันเสียใจมากๆที่ไม่ได้มาเมื่อวานนี้

- I'm sorry to have kept you waiting. ฉันต้องขอโทษด้วยที่ทำให้คุณรอ

- I'm sorry I can't help you. ฉันต้องขอโทษด้วยที่ช่วยคุณไม่ได้

- I'm sorry to have troubled you. ฉันต้องขอโทษด้วยที่ทำให้คุณยุ่งยาก

- I apologize for breaking my promise. ฉันต้องขอโทษด้วยที่ผิดสัญญา

- It's my fault. มันเป็นความผิดของฉันเอง

- How stupid of me! ฉันช่างโง่เง่าเสียเหลือเกิน

- I'm sorry I'm late. ขอโทษด้วยที่ฉันมาสาย

การตอลรับคำขอโทษที่ติดๆปากทั่วไปมีตามนี้

- That's all right.
- Of course.
- Certainly.
- It's nothing at all.
- Forget it.
- Don't worry about it.
- It's wasn't your fault.
- It doesn't matter.

ขอบคุณเจ้าของเพจ : Easy learn Easy life

Excuses & Apologies

คำว่า apologize v. (อะพ็อลโลไจซ) หมายถึงการขอโทษ ขออภัย ผู้ขอเกิดความสำนึกและยอมรับว่าได้กระทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน เช่น

- I apologized to her for stepping on her foot. ผมขออภัยที่ไปเหยียบเท้าเธอ

- I apologized to him for my error. ผมขอโทษเขาที่ได้ผิดพลาดอะไรไป

เวลาเราใช้คำว่า apologize ในการขอโทษ เราจะใช้สำนวนประโยค ที่ว่า

I apologize to ..........(ผู้ที่เราต้องการขอโทษ) for .......(v+ing.........(เรื่องที่เราทำผิด)
หรือ apologize for ................. (เรื่องที่เราต้องการขอโทษ) เช่น
May I apologize for coming late. ผมขอโทษที่มาสายครับ

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คำว่า forgive v. (ฟอกิฟว) หมายถึงการให้อภัยหรือยกโทษให้กับผู้ที่ล่วงเกินตน เช่น

- He forgive me for being late. เขายกโทษให้ฉันที่มาสาย

- I was pleased to forgive him for what he said to me at the meeting yesterday. ฉันยินดีที่จะให้อภัยเขาต่อสิ่งที่เขาได้พูดถึงฉันในที่ประชุมเมื่อวานนี้

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คำว่า excuse v. (เอ็กซคิวส์) หมายถึงการยกโทษหรือการให้อภัยในความผิดเล็กๆน้อยๆ เช่น

- Excuse me for not recognising you. ขอโทษนะครับที่ผมจำคุณไม่ได้

- Please excuse me for miscalling you. ขออภัยด้วยนะครับที่เรียกชื่อคุณผิด

- Please excuse for the way to go outside. ขอโทษนะครับขอทางออกไปหน่อย

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คำว่า pardon v. (พาดัน) หมายถึงการขอโทษหรือขออภัยโทษ นิยมใช้เมื่อโทษนั้นเป็นโทษหนัก เช่น

- Fifty prisoners were pardoned. นักโทษ 50 คนได้รับอภัยโทษแล้ว

- Pardon me. Will you please say it again. ขอโทษนะครับ กรุณาพูดอีกครั้งได้ไหม หรืออาจจะกล่าวสั้นๆ หลังจากต้องการให้ผู้พูด พูดอีกครั้ง คือ

- Pardon me.


ขอบคุณเจ้าของเพจ : Easy learn Easy life

วันอาทิตย์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

อิจฉาจัง jealous,envy

อิจฉา อิจฉา จัง
Envy ( เอ้น หวี่)แปลว่า อิจฉา
เป็นคำกริยา เป็นคำนามก็ได้ ถ้าเป็นคำนามจะแปลว่า ความอิจฉา
เช่น I envy your husband. ผมล่ะอิจฉา สามีของคุณ จริงๆ เลย
แล้วถ้า envy เป็นคำนามล่ะ
เช่น His envy brings him to failure. ความอิจฉาของเขา นำเขาไปสู่ความล้มเหลว
คำคุณศัพท์คือ envious
เช่น I’m so envious of you! You’re so attractive!. ฉันอิจฉาคุณจัง คุณน่าดึงดูดใจมาก

Jealous ( เจ หลัดส์) แปลว่า อิจฉา
เป็นคำคุณศัพท์ (Adjective) ซึ่งทำหน้าที่ขยายคำนาม วางไว้หลัง Verb to Be ตัวอย่างประโยคเช่น
Steven is jealous of Paula's success in his new project.
สตีฟเว่นอิจฉาในความสำเร็จของโครงการใหม่ของพอลลา.
Jealous ในประโยคข้างต้น ทำหน้าที่ Adjective คือวอยู่หลัง Verb to Be (is) เพื่อแสดงความอิจฉา
Jealous ก็สามารถเป็นคำนามได้โดยให้เติม -y จะได้ Jealousy (เจ หลัด ซี่) แปลว่า ความอิจฉา
ตัวอย่างประโยคอีกเพื่อความชัดเจน
She’s jealous of you. She always bad-mouths you behind your back.เธออิจฉาคุณ เธอว่าคุณอย่างแรงลับหลังคุณเสมอ
Are you jealous of my success? คุณอิจฉาความสำเร็จของผมหรือเปล่า
I’m just a jealous guy. ผมเพียงหนุ่มอิจฉา … เพลงดังของ John Lennon ครับ
It's been her life this enviable Honestly!ชีวิตเธอนี่มันช่างน่าอิจฉาซะจริงๆเลยนะ
I envy you.
I envy your life style.
I envy your perfection.
I am so green with envy.
Your life style really makes me green with envy.
“To envy our betters is human nature”อิจฉาผู้ที่ดีกว่าตน เป็นธรรมดาของมนุษย์
Your life is so enviable, princess...ธอนี่มันช่างน่าอิจฉาจังเลย
I’m so envious of you! You’re so attractive! ฉันอิจฉาคุณจัง คุณน่าดึงดูดใจมาก
บางครั้งเวลาพูด I envy you. ไม่ได้หมายถึงเราไม่ชอบคุณ แต่กลับเป็นการชื่นชมความสามารถของคุณต่างหาก
คำคมความอิจฉาวันนี้คร้าบบบบบ ...Jealousy’s a curse. ความอิจฉาถือว่าเหมือนการแช่งเราเอง.


วันพฤหัสบดีที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2555

วันศุกร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2555

All มีสำนวนแบบไหนบ้าง

after all คือ อย่างไรก็ดี
เช่น It has turned out to be a nice day after all. อย่างไรก็ดี ก็กลายเป็นวันอากาศดีไปจนได้

at all คือ แม้แต่น้อย
เช่น He doesn't understand me at all. เขาไม่เข้าใจฉันเลยแม้แต่น้อย

all along คือ ในระหว่างอดีตที่ผ่านมาแล้วจนถึงทุกวันนี้
เช่น Even though she has changed so much, I knew all along that it was my friend.แม้ว่าเธอจะเปลี่ยนไปมาก แต่ฉันก็รู้ตลอดเวลาว่า คือ เพื่อนของผม

all over the place คือ อยู่ทั่วทุกที่
เช่น Norbert, how can you get any work done? Your papers are all over the place.นอร์เบิร์ต คุณจะทำงานเสร็จได้ยังไง ในเมื่อเอกสารวางเกลื่อนอยู่เต็มโต๊ะอย่างนี้

all told คือ เมื่อได้นับครบทุก ๆ สิ่งแล้ว
เช่น He owns fifteen horses all told.เมื่อนับครบถ้วนแล้ว เขามีม้าอยู่ 15 ตัว

all set คือ เตรียมพร้อมอยู่แล้วทุกขณะ
เช่น Our plans for the new corporation are all set. แผนการสำหรับบริษัทใหม่นั้นพร้อมอยู่แล้ว

วันพฤหัสบดีที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

สำนวนฮิตอเมริกัน

Act your age เลิกทำตัวเป็นเด็กซะที

ใช้พูดเวลาลูกเล็กเด็กแดง งอแง หรือพูดแล้วเถียงคอเป็นเอ็น ไรทำนองนั้น

Act your age! หรือ Be your age! นี่เลิกทำตัวเป็นเด็กซะที โตแล้วนะ ยังงอแงเป็นเด็กไปได้

แล้วก้เอามาใช้กับผู้ใหญ่แอ๊บแบ้วและชอบทำตัวเป็นเด็ก ๆ แปลความได้ว่า ไม่รู้จักโต

Alive and well สุขสบายดี

เช่น

How is Paul now? ตอนนี้พอลเป็นไงบ้าง

Whatever happened to Paul? พอลเขาเป็นตายร้ายดียังไงบ้าง

ก็ตอบกลับไปว่า

He is alive and well. เขาก็สุขสบายดี

All systems go ทุกอย่างพร้อม

คำตอบ Ready.พร้อมแล้ว

ในกรณีของผู้ควบคุณระบบเสียงจะตอบว่า Sound systems goes.ระบบเสียงพร้อม

ถ้าพร้อมก็ตอบว่า All systems go.ทุกอย่างพร้อม

Anything goes อะไรก็ได้,ไม่มีกฎเกณฑ์

go เป็นคำภาษาอังกฤษคำถึงที่มีความหมายหลากหลายนอกจากแปลว่า ไป

go ยังแปลว่า เริ่มได้ อีกด้วยนะ

ในเวลาแข่งเทนนิส ปิงปอง เมื่อเริมนับแต้มฝ่ายส่งลูกก็จะพูดว่า

This goes. หรือ These two go. (อันนี้ใช้เฉพาะกับกีฬาเทนนิส) แปลว่า เอาหล่ะนะ เริ่มนับหล่ะนะ

ในการแข่งขันมวยปล้ำ ผู้บรรยายก็จะพูดว่า In this math,anything goes. หมายความว่า ในการแข่งขันครั้งนี้ ง่ายๆ สบายๆ ไม่มีกฎเกณฑ์เคร่งครัดอะไร แปลว่า จะเล่นตุกติกยังไงก็ได้ ไม่มีกติกาอ่ะนะ

สำหรับในชีวิตประจำวัน Anything goes. หมายถึง การทำอย่างสบายๆโดยไม่มีกฎเกณฑ์มาบังคับ

Ain't it a shame? มันน่าเสียดายไหมหล่ะ

บางครั้งที่โอกาศดีๆได้หลุดลอยไป เป็นเรื่องธรรมดาที่คนเราจะต้องเสียดายชัก แล้วก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า เฮ้อ! มันน่าเสียดายมั๊ยหล่ะ

ถ้าผู้ฟังอยากจะร่วมเสียดายด้วยหล่ะก็ อาจจะพูดเสริมไปว่า I'd say. หรือ Yes,it is. หรือ That's too bad.

Ain't เป็นภาษาพูดนะคะ หากจะใช้ให้ถูกตามหลักภาษาก็ต้องใช้

isn't แต่อาจจะเสียรสชาติไปบ้าง

Bye for now. แค่นี้ก่อนนะ

คำพูดที่นิยมพูดกันในการอำลาไม่ว่าจะเป็นจากกันไปนานหรือแป๊ปเดียว ได้แก่ Bye ซึ่งเป็นคำพูดที่สั้นหรือสะดวกว่า Bye bye เยอะอยู่นะ

ในโทรศัพท์ก็นิยมพูด Good bye. , Bye bye และ Bye ก็ด้วย

ถ้ามีแนวโน้มที่จะได้พูดกันอีก หรือ วางอีกแป๊ปเดียวอีกหน่อยก็มาพูดอีกและ เลยมีคำพูดที่มักพูดกันติดปากก่อนวางหูโทรศัพท์ว่า

Good bye for now. หรือ Bye byefor now.

และหดสั้นลงเหลืออยู่แค่จิ๊ดเดียว

Bye for now.

แบบนี้หมายถึง แค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวค่อยคุยกันใหม่จ้า

Big deal ไม่เห็นมีอะไรเลย

Big deal ก็งั้นๆ กระจอก

เวลาพูดให้เน้นเสียงที่ big และลากเสียงให้ยาวๆหน่อย

Beats me ไม่รู้เหมือนกัน

Beats me. ไม่ทราบ หรือไม่ก็ ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย หรือ ไม่เคยรู้มาก่อนเลย

ถ้าเป็นภาษาอังกฤษคำว่าไม่ทราบก็คือ I don't know.

ส่วนไม่เคยได้ยินหรือไม่รู้มาก่อนเลยก็คือ I've never heard of it.

มันค่อนข้างจะเป็นทางการสักหน่อย ถ้าให้พูดแบบง่ายๆ อเมริกันจะใช้ว่า

It beats me. ย่อสั้นๆเหลือแค่ Beats me.

Come rain or shine ไม่ว่าฝนจะตกหรือแดดจะออก

แสดงให้เห็นถึงความเด็ดเดี่ยว การที่จะไม่ยอมเปลี่ยนๆอะไรง่ายๆ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

เช่น

A: Will you go to a party tonight?

B: I'll go, come rain or shine.

It's a cinch เรื่องขี้ผง

เรื่องกล้วย เรื่องหมูๆ เรื่องขี้ผง ให้ทันสมัยหน่อยก็เรื่องจิ๊บจ๊อย

หากจะเปลี่ยนคำพูดติดปากเหล่านี้เป็นภาษาอังกฤษก็จะพูดว่า

It was nothing.,That was easy. ,No problem.,No sweet.,A piece of cake. ฯลฯ

ในบรรดาคำพูดที่ใช้อวดความสามารถของตนมักได้ยินบ่อยว่า It's a cinch.

cinch แปลว่า สายรัดอานม้า ซึ่งจะต้องมัดให้แน่นและแน่ใจว่าจะไม่คลายขณะควบม้า มันจะต้องเป็นสิ่งที่แน่นอนและวางใจได้

หรือ A sure thing.

ดังนั้น เมื่ออะไรก็ตามที่แน่นอนและไว้วางใจก็จะถูกเหมารวมเป็น cinch ไปเสียหมด

เหมือนกับคนนั่นแหละ เมื่อมั่นใจหรือโอ้อวดอะไรก็จะพูดออกไปว่า

It's a cinch. เรื่องขี้ประติ๋ว

Been there,done that เคยมาหมดแล้ว

พูดเต็มๆว่า I have been there. I have done that.

แต่เวลาพูดต้องระวังตัว มองซ้ายมองขวาด้วยนะ เดี๋ยวเค้าจะหาว่า เราอวดดี เดี๋ยวโดนอัด

Never say die! อย่ายอมแพ้

ตาย อาจจะหมายถึง การแพ้ หรือ การยอมแพ้

เช่น เวลาเราแข่งขันอะไร เวลาแพ้ อาจอุทานว่า ตายแน่ !

หรือเวลาเล่นเกม เห็นเพื่อนท่าทีจะแพ้นี่ เลยบอกให้ยอมแพ้ไปซะ ด้วยคำพูดที่สุดแสนจะทิ่มแทงหัวใจว่า

Say die. ยอมแพ้เสียเถอะ หรือ ยอมแพ้มาดีกว่า

มีความหมายคล้ายคลึงกับคำว่า Give up. หรือ Give?

คนที่ไม่ชอบเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ก็อาจจะพูดค้านคั้นขึ้นว่า

Are you kidding? Never say die. พูดเป็นเล่นน่า ไม่ยอมแพ้ง่ายๆดอก สู้โว้ย!

Look who's talking ก็ตัวเองก่อนซิ ก่อนที่จะพูดให้คนอื่นน่ะ

เข้ากับสำนวนไทยที่ว่า ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง ซะงั้น

Gotcha เข้าใจแล้ว

เวลาอธิบายอะไรแล้วสงสัยว่าผู้ฟังจะเข้าใจหรือไม่ ในภาษาอังกฤษนั้นอาจจะมี หลายคำ เช่น

Understand? ,Do you understand ( what I'm saying to you)? หรือ Got it?

ฝ่ายถูกถามสามารถโต้ตอบได้หลายแบบตั้งแต่ยาวสุด ไปถึงสั้นจุ๊ดจู๋ คือ Gotcha. ซึ่งเป็นคำตอบที่สั้นที่ซู๊ด รองจาก Yes.

Gotcha นี้แผลงมาจาก Got you. และก็ย่อมาจาก I got you. อีก

ไม่ว่าจะพูดแบบไหนก็แปลแบบเดียวกัน ว่า เข้าใจแล้วนะ

Eat your heart out! อิจฉาไหมหล่ะ

คำนี้ใช้ได้ 2 กรณี

กรณีแรกใช้เพื่อ พูดแซวเพื่อนเฉยๆ ตัวอย่างเช่น พี่ก๋องจะไปเที่ยวหัวหิวแล้วพูดแซวน้องว่า พี่จะได้ไปเที่ยวหัวหินนะ อิจฉามั๊ยหล่ะ น้องก็เลยตอบไปว่า อิจฉาจิ

กรณีที่สอง ใช้พูดเยาะเย้ย ในสิ่งที่เรามีแต่คนอื่นไม่มี อันนี้ตั้งระวัง เดี๋ยวหน้าไม่สวย

เช่น

เมื่อเราพูดว่า I've got an A in the English test. Eat your heart out!

ฉันได้ A ในการสอบวิชาภาษาอังกฤษด้วยหล่ะ อิจฉาเปล่า?

ถ้าหากไม่ดูตาม้าตาเรือให้ดี อาจจะทำให้เพื่อนหมั่นไส้และเหม็นหน้าได้

เพื่อนที่เคยสนิทอาจจะต้องเหมินมางไป ฉนั้น เวลาใช้พึงระวังให้ดี

I'll take a rain check เอาไว้คราวหน้าละกัน ขอผัดเป็นคราวหน้านะ

คำพูดนี้เป็นการเปิดทางไว้กว้างๆ ให้ผู้ฟังเข้าใจเอาเองว่า เมื่อคราวหน้าอยากจะชวนอีกก็ให้ลองมาชวนใหม่ดู อย่าพึ่งเข็ดว่าชวนแล้วไม่ไป

แต่ผู้พูดก็ควรระลึกไว้เสมอว่าคราวหน้าเมื่อถูกชวนอีกก็ควรไป และอย่าเอาคำพูดแบบนี้มาใช้ซ้ำอีกละกัน ไม่เช่นนั้นเขาอาจจะไม่คบค้าสมาคมด้วย ไม่รู้ด้วยน๊า

อยากรู้ที่มาของคำว่า rain check มั๊ยคะ

rain check เป็นตั๋วเข้าชมกีฬาที่ทางสนามให้แก่ผู้ชมไว้ใรกรณีที่การแข่งขันถูกยกเลิกไปเมื่อฝนตก โดยผู้ชมสามารถนำตั๋วนี้มาใช้ได้ในครั้งหน้าที่มีการแข่งขัน

credit : Grammarman มนุษย์แกรมม่า

Miller time! ได้เวลาพักแล้ว

Miller time! ได้เวลาพักแล้ว!
Miller เป็นยี่ห้อเบียร์ของบริษัท Johnny Miller ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งบริษัทนี้ได้โฆษณาผลิตภัณฑ์ของตน ในลักษณะที่ว่า หลังจากการทำงานหนักของบรรดาผู้ชายในโฆษณาก็พากันมาดื่มเบียร์ Miller เย็นๆ เพื่อดับกระหายและเป็นการพักผ่อนด้วย โดยมีเสียงพูดแทรกขึ้นมาว่า It's Miller time.
โฆษณานี้ได้รับความนิยมมากมายและหลังจากนั้นมาไม่นาน It's Miller time. ก็กลายเป็นคำพูดติดปากของอเมริกัน
พอนานไปคำนี้ก้เหลือแค่ Miller time. แต่ความหมายเดิม
ตัวอย่างเช่น

Jacob: Miller time!

Robert: Great! I'm so tired. I need to get some sleep.

Bless you. and Give me a break!

Bless you ขอให้หายเร็วๆ ย่อมาจาก May God bless you.

ส่วนคู่สนทนาก้แค่ตอบกลับไปว่า Thank you.

Give me a break! ให้โอกาสหน่อยสิ ขอทีเถอะ

Give me a chance. หรือ Give me a break!

ในอีกกรณีนึง เมื่อมีคนทำให้คุณรำคาญใจ อาจจะพูดว่า

ไปให้พ้นๆหน่อย หรือ อย่ามากวนใจฉันนะ

ก็ใช้ Give me a break! ได้เช่นกัน

Tell me about it.รู้แล้วน่า

อันนี้จะเป็นประโยคที่คนอเมริกันชอบใช้กัน นะจ๊ะ

Tell me about it. แปลตรงตัวอย่างง่ายๆว่า เล่าให้ฉันฟังหน่อย , ไหนลองบอกมาซิ ในสถาณการณ์ทั่วไป

แต่เมื่อคู่สนทนาฝ่ายหนึ่งพูดในสิ่งที่คู่สนทนาอีกฝ่ายหนึ่งรู้แล้ว เรื่องนี้อาจจะกลายเป็นเรื่องที่น่ารำคาญความหมายก็จะเปลี่ยนไปทันที

ตัวอย่างเช่น

A: I heard the company will lay off many employees. ผมได้ยินว่าบริษัทจะปลดลูกจ้างออกเป็นจำนวนมาก

B: Tell me about it.เออ รู้แล้วน่า (ตอบด้วยอารมณ์ ไม่ดีนัก)

วันพุธที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2555

What are the chances of ....

What are the chances of + Verb(ing)

เช่น
what are the chances of getting tickets? จะมีโอกาสได้ตั๋วมั้ยเนี่ย
what are the chances of it raining today? มีโอกาสแค่ไหนที่ฝนจะตกวันนี้
what are the chances of winning the lottery? จะมีโอกาสถูกล็อตเตอรี่กับเขามั้ยเนี่ย
what are your chances of getting the job?คุณมีโอกาสจะได้งานแค่ไหน

Check please! ภาษาอังกฤษในร้านอาหาร

We'd like a table for 5 please. จองโต๊ะสำหรับ 5 คน ครับ
Smoking or non-smoking ?คุณต้องการนั่งในเขตปลอดบุหรี่หรือในเขตที่อนุญาต ให้สูบบุหรี่ได้
Would you like to have a drink first ? ในขณะที่คุณกำลังเลือกว่าจะสั่งอาหารจานไหน คุณอาจสั่งเครื่องดื่มมาจิบรองท้องก่อนในฐานะเป็น aperitif

aperitif ต้นกำเนิดมาจากภาษาฝรั่งเศสแต่ปัจจุบันก็ใช้กันอย่างแพร่หลายในภาษา อังกฤษซึ่งมีความหมายว่าเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ที่ใช้ดื่มเรียกน้ำย่อย หรือเป็นappetizer

appetizer หมายถึงอาหารเรียกน้ำย่อยที่ทานก่อนอาหารจานหลักจะมาถึง บางครั้งจะเรียกว่าstarter ก็ได้

Are you ready to order? คุณพร้อมที่จะสั่งอาหารหรือยัง

หรือ พนักงานเสิร์ฟอาจพูดว่า "Can I take your order ?" ก็ได้เมื่อคุณพร้อมที่จะสั่งอาหารที่ต้องการ

What do you recommend ?คุณมีอะไรแนะนำไหม

What are your specialties ?หมายถึงอาหารจานที่ขึ้นชื่อของร้าน อาจเป็นอาหารจานโปรดของท้องถิ่นหรือแถบภูมิภาคนั้นก็ได้


May we have the bill ? เราจะจ่ายเงินเลยได้ใหม


หรือคุณอาจจะพูดว่า "Check please" ก็ได้เช่นกัน


Service charge or tip หมายถึงจำนวนเงินที่จ่ายนอกเหนือจากค่าอาหาร(ปกติจะคิด 10-15% ของราคาที่ระบุในบิล)เพื่อเป็นทิปสำหรับพนักงานเสิร์ฟเมื่อเขาให้บริการดี แต่ร้านอาหารบางแห่งก็บวกค่าservice chargeเพิ่มเข้าไปรวมไว้ในบิล แล้ว

วันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2555

sight การมองเห็น

sight หมายถึง การมองเห็น
มีสำนวนที่น่าสนใจคือ

out of sight, out of mind
พอตัวห่างกัน ใจก็ห่างกันไปด้วย หรือ
love at first sight
รักแรกพบ
เช่น

When I met you, it was love at first sight. เมื่อฉันเจอเธอ มันเป็นรักแรกพบเลยนะ

common หมายถึง ปกติ ทั่ว ๆ ไป

common หมายถึง ปกติ ทั่ว ๆ ไป
เช่น
It’s quite common to see stray dogs in Thailand. เป็นเรื่องปกติที่จะเห็นหมาจรจัดในประเทศไทย
นอกจากนี้ยังมีสำนวน
have something in common หมายถึง มีอะไรคล้าย ๆ กัน
เช่น
We have a lot in common. เรามีอะไรคล้าย ๆ กัน
We don’t really have much in common. เราไม่ค่อยมีอะไรคล้ายกันเลย

เรียนธรรมะภาษาอังกฤษ

Dhamma that leads the mind away from hinderances
is called tranquillity meditation
Dhamma that helps one gain insight into matters and
see them as impermanent, subject to suffering, and
non-self is called insight meditation.

Dhamma = ธรรมมะ หรือ ธรรมชาติ
away from = สงบระงับจาก
hinderances = นิวรณ์ สิ่งกั้นจิตไม่ให้บบรรลุความดี
tranquillity meditation = สมถกรรมฐาน
gain insight = เกิดความรู้แจ้งเห็นจริง
impermanent = อนิจจัง ความไม่คงทนถาวร
subject to suffering = ทุกขัง ทำให้เกิดทุกข์
non-self = อนัตตา ไม่ใช่ของตน
insight meditation = วิปัสสนากรรมฐาน

ธรรมชาติใดที่ทำจิตให้สงบระงับจากนิวรณ์
ธรรมชาตินั้นชื่อว่าสมถกรรมฐาน
ธรรมชาติใดที่ทำให้เกิดความรู้แจ้งเห็นจริง
ในสภาวะธรรมคือรูปนามว่า เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ธรรมชาตินั้นชื่อว่าวิปัสสนากรรมฐาน

Credit :http://board.palungjit.com/ฟุต-ฟิต-ฟอ-ธรรม-เรียนธรรมะภาษาอังกฤษวันละหลายคำ-163670.html

would like กับ like ต่างกันอย่างไร

would like กับ like ต่างกันอย่างไร

...

would like = want = "ต้องการ" หรือ "ปรารถนา"

I would like a glass of milk.

ผมอยากจะได้นมสักแก้ว

I would like to go to the beach.

ผมอยากจะไปชายหาด

ในทางกลับกัน

like = enjoy = "ชื่นชอบ"


I like chocolate.

ผมชอบช็อกโกแลต
I like to watch TV.
ผมชอบดูทีวี
Credit : bits-of-english