ถามให้เป็น สานสัมพันธ์ให้ได้มากกว่าแค่ “What’s your name?”
การทำความรู้จักกับคนใหม่เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น แต่หลายคนอาจติดอยู่กับประโยคเดิม ๆ อย่าง "What's your name?" หรือ "Where are you from?" ที่อาจจะฟังดูห้วนไปสักหน่อย วันนี้เราจะมาเรียนรู้วิธีการถามคำถามเหล่านี้ให้ดูเป็นธรรมชาติและสุภาพยิ่งขึ้น เพื่อช่วยให้คุณเริ่มต้นบทสนทนาได้อย่างราบรื่นและสร้างความประทับใจตั้งแต่แรกเจอ
1. วิธีถาม "คุณชื่ออะไร?" (How to ask "What's your name?")
การถามชื่ออย่างเหมาะสมเป็นขั้นตอนแรกในการสร้างความสัมพันธ์ และเป็นสิ่งสำคัญในการแสดงความเคารพต่อคู่สนทนาของคุณ ประโยคที่ใช้ในการถามชื่อมีหลายระดับความทางการ ให้คุณเลือกใช้ตามความเหมาะสม
ประโยคที่ใช้บ่อยและเป็นกลาง (Common & Neutral Phrases)
ประโยคเหล่านี้เหมาะสำหรับสถานการณ์ทั่วไป เช่น การแนะนำตัวในงานสังคมหรือการพบปะคนใหม่ในกลุ่ม
Could I ask your name? (คูด ไอ อาสก์ ยัวร์ เนม?) - ขอทราบชื่อของคุณได้ไหม?
May I have your name, please? (เมย์ ไอ แฮฟว ยัวร์ เนม, พลีส?) - ขอชื่อของคุณหน่อยได้ไหม?
And your name is...? (แอนด์ ยัวร์ เนม อิส...?) - แล้วชื่อของคุณคือ...?
I don't think we've met. I'm [ชื่อของคุณ]. (ไอ โดนท์ ติงค์ วีฟ เมท. ไอม [ชื่อของคุณ]) - เราคงยังไม่เคยเจอกัน ผม/ฉันชื่อ [ชื่อของคุณ]
ประโยคที่เป็นทางการ (Formal Phrases)
ใช้ประโยคเหล่านี้เมื่อคุณต้องการแสดงความสุภาพสูงสุด เช่น การติดต่อในเชิงธุรกิจหรือการพูดคุยกับผู้ใหญ่
What is your full name? (วอท อิส ยัวร์ ฟูล เนม?) - คุณชื่อ-นามสกุลอะไร?
I'm sorry, what was your name again? (ไอม ซอร์รี, วอท วอส ยัวร์ เนม อะเกน?) - ขอโทษนะครับ/ค่ะ เมื่อกี้คุณชื่ออะไรนะครับ/คะ?
May I know your name? (เมย์ ไอ โนว์ ยัวร์ เนม?) - ขอทราบชื่อของคุณได้ไหม?
Could you tell me your name, please? (คูด ยู เทล มี ยัวร์ เนม, พลีส?) - ช่วยบอกชื่อของคุณให้หน่อยได้ไหม?
ประโยคที่ไม่เป็นทางการ (Informal Phrases)
ประโยคเหล่านี้เหมาะกับการใช้กับเพื่อนหรือคนวัยเดียวกัน ให้ความรู้สึกเป็นกันเอง
What do people call you? (วอท ดู พีเพิล คอล ยู?) - คนอื่นเรียกคุณว่าอะไร?
Do you have a nickname? (ดู ยู แฮฟว์ อะ นิกเนม?) - คุณมีชื่อเล่นไหม?
So, what's your name? (โซ, วอทส ยัวร์ เนม?) - แล้วคุณชื่ออะไร?
Who are you? (ฮู อาร์ ยู?) - คุณเป็นใคร? (ระวังการใช้ประโยคนี้ เพราะอาจฟังดูห้วนหรือก้าวร้าวได้)
ประโยคที่ใช้ในสถานการณ์เฉพาะ (Situational Phrases)
ประโยคเหล่านี้มีความเจาะจงมากขึ้นและช่วยให้การสนทนาเป็นไปอย่างราบรื่น
What name should I call you? (วอท เนม ชูด ไอ คอล ยู?) - ให้ผม/ฉันเรียกคุณว่าอะไรดี?
How should I address you? (ฮาว ชูด ไอ แอดเดรส ยู?) - ให้ผม/ฉันเรียกคุณว่าอะไร?
What do you go by? (วอท ดู ยู โก บาย?) - คุณใช้ชื่ออะไร? (ใช้บ่อยในหมู่เพื่อน)
Your name, please? (ยัวร์ เนม, พลีส?) - ชื่อของคุณด้วยครับ/ค่ะ
Tell me your name. (เทล มี ยัวร์ เนม.) - บอกชื่อของคุณมาหน่อย
Could you spell out your name for me? (คูด ยู สเปลล์ เอาท์ ยัวร์ เนม ฟอร์ มี?) - ช่วยสะกดชื่อของคุณให้หน่อยได้ไหม?
What's your first name? (วอทส ยัวร์ เฟิร์สท เนม?) - คุณชื่อจริงว่าอะไร?
What's your last name? (วอทส ยัวร์ ลาสท์ เนม?) - คุณนามสกุลอะไร?
2. วิธีถาม "คุณมาจากที่ไหน?" (How to ask "Where are you from?")
เมื่อคุณรู้ชื่อของคู่สนทนาแล้ว การถามถึงที่มาก็เป็นอีกหนึ่งคำถามที่ช่วยให้การสนทนาดำเนินต่อไปได้ การถามอย่างถูกวิธีจะช่วยสร้างความประทับใจและหลีกเลี่ยงการทำให้คู่สนทนารู้สึกอึดอัด
ประโยคที่ใช้บ่อยและเป็นกลาง (Common & Neutral Phrases)
ประโยคเหล่านี้เหมาะสำหรับสถานการณ์ทั่วไปและเป็นที่นิยมใช้กัน
Where do you come from? (แวร์ ดู ยู คัม ฟรอม?) - คุณมาจากที่ไหน?
Where are you originally from? (แวร์ อาร์ ยู ออริจินัลลี ฟรอม?) - คุณเป็นคนดั้งเดิมจากที่ไหน?
And where are you from? (แอนด์ แวร์ อาร์ ยู ฟรอม?) - แล้วคุณมาจากที่ไหน?
May I ask where you are from? (เมย์ ไอ อาสก์ แวร์ ยู อาร์ ฟรอม?) - ขออนุญาตถามหน่อยได้ไหมว่าคุณมาจากที่ไหน?
Whereabouts are you from? (แวร์อะเบาท์ส อาร์ ยู ฟรอม?) - คุณมาจากแถวไหน?
ประโยคที่ใช้ในเชิงธุรกิจหรือเป็นทางการ (Formal Phrases)
ใช้ประโยคเหล่านี้เมื่อต้องการความเป็นทางการ เช่น การประชุมทางธุรกิจหรือการพบปะผู้คนในงานราชการ
May I ask your place of origin? (เมย์ ไอ อาสก์ ยัวร์ เพลส ออฟ ออริจิน?) - ขอทราบถิ่นกำเนิดของคุณได้ไหม?
What is your country of origin? (วอท อิส ยัวร์ คันทรี ออฟ ออริจิน?) - คุณมีถิ่นกำเนิดจากประเทศอะไร?
Which part of the world are you from? (วิช พาร์ท ออฟ เดอะ เวิลด์ อาร์ ยู ฟรอม?) - คุณมาจากส่วนไหนของโลก?
Where are you a native of? (แวร์ อาร์ ยู อะ เนทิฟ ออฟ?) - คุณเป็นคนท้องถิ่นของที่ไหน?
ประโยคที่ไม่เป็นทางการ (Informal Phrases)
ประโยคเหล่านี้เหมาะสำหรับการคุยเล่นกับเพื่อนหรือคนที่คุณรู้จักอยู่แล้ว
Where are you based? (แวร์ อาร์ ยู เบสท์?) - คุณอาศัยอยู่ที่ไหน?
Where did you grow up? (แวร์ ดิด ยู โกรว์ อัพ?) - คุณเติบโตที่ไหน?
What's your hometown? (วอทส ยัวร์ โฮมทาวน์?) - บ้านเกิดของคุณคือที่ไหน?
You're not from around here, are you? (ยัวร์ นอท ฟรอม อะราวด์ เฮียร์, อาร์ ยู?) - คุณไม่ใช่คนแถวนี้นี่นา ใช่ไหม?
So, where are you from? (โซ, แวร์ อาร์ ยู ฟรอม?) - แล้วคุณมาจากที่ไหน?
What part of the country are you from? (วอท พาร์ท ออฟ เดอะ คันทรี อาร์ ยู ฟรอม?) - คุณมาจากส่วนไหนของประเทศ?
ประโยคที่ใช้ในสถานการณ์เฉพาะ (Situational Phrases)
ประโยคเหล่านี้ช่วยให้คุณถามถึงที่มาของคู่สนทนาได้อย่างเจาะจงมากขึ้น
Is that a local accent? (อิส แดท อะ โลคอล แอคเซนท์?) - สำเนียงนั้นเป็นสำเนียงท้องถิ่นหรือเปล่า?
Did you move here from another country? (ดิด ยู มูฟ เฮียร์ ฟรอม อะนอเธอร์ คันทรี?) - คุณย้ายมาที่นี่จากประเทศอื่นหรือเปล่า?
Where did you live before moving here? (แวร์ ดิด ยู ลิฟว์ บีฟอร์ มูฟวิง เฮียร์?) - คุณเคยอาศัยอยู่ที่ไหนก่อนที่จะย้ายมาที่นี่?
What part of the world did you come from? (วอท พาร์ท ออฟ เดอะ เวิลด์ ดิด ยู คัม ฟรอม?) - คุณมาจากส่วนไหนของโลก?
Where's home for you? (แวร์ส โฮม ฟอร์ ยู?) - บ้านของคุณอยู่ที่ไหน?
ตัวอย่างบทสนทนา (Conversation Examples)
บทสนทนาที่ 1: การแนะนำตัวในงานสังคม
แอนนา: Hi, I don't think we've met. I'm Anna.
(ไฮ, ไอ โดนท์ ติงค์ วีฟ เมท. ไอม แอนนา.)
แปล: สวัสดีค่ะ เราคงยังไม่เคยเจอกัน ฉันชื่อแอนนาค่ะ
เบน: Hi Anna, nice to meet you. May I have your name, please?
(ไฮ แอนนา, ไนซ์ ทู มีท ยู. เมย์ ไอ แฮฟว ยัวร์ เนม, พลีส?)
แปล: สวัสดีแอนนา ยินดีที่ได้รู้จักครับ ขอทราบชื่อของคุณหน่อยได้ไหมครับ?
แอนนา: Oh, sorry. It's Ben. And where are you from, Anna?
(โอ, ซอร์รี. อิทส เบน. แอนด์ แวร์ อาร์ ยู ฟรอม, แอนนา?)
แปล: อ๋อ ขอโทษค่ะ ฉันชื่อเบน แล้วคุณมาจากที่ไหนคะ แอนนา?
เบน: I'm from Bangkok, Thailand. And you?
(ไอม ฟรอม แบงคอก, ไทยแลนด์. แอนด์ ยู?)
แปล: ฉันมาจากกรุงเทพฯ, ประเทศไทยค่ะ แล้วคุณล่ะ?
แอนนา: I'm originally from London. What do you do for work, Ben?
(ไอม ออริจินัลลี ฟรอม ลอนดอน. วอท ดู ยู ดู ฟอร์ เวิร์ค, เบน?)
แปล: ฉันเป็นคนลอนดอนค่ะ คุณทำงานอะไรคะ เบน?
เบน: I'm a graphic designer. And you?
(ไอม อะ กราฟิก ดีไซน์เนอร์. แอนด์ ยู?)
แปล: ผมเป็นกราฟิกดีไซเนอร์ครับ แล้วคุณล่ะ?
บทสนทนาที่ 2: การคุยกับลูกค้าในเชิงธุรกิจ
ลูกค้า: Good morning. I'm here for the 10 a.m. meeting.
(กูด มอร์นิง. ไอม เฮียร์ ฟอร์ เดอะ เทน เอเอ็ม มีททิง.)
แปล: สวัสดีครับ ผมมาประชุมตอน 10 โมงครับ
พนักงานต้อนรับ: Good morning, sir. Could I ask your name, please?
(กูด มอร์นิง, เซอร์. คูด ไอ อาสก์ ยัวร์ เนม, พลีส?)
แปล: สวัสดีค่ะคุณลูกค้า ขอทราบชื่อของคุณได้ไหมคะ?
ลูกค้า: My full name is Robert Johnson.
(มาย ฟูล เนม อิส โรเบิร์ท จอห์นสัน.)
แปล: ชื่อเต็มของผมคือ โรเบิร์ท จอห์นสัน ครับ
พนักงานต้อนรับ: Thank you, Mr. Johnson. May I ask your place of origin for our records?
(แตงก์ ยู, มิสเตอร์ จอห์นสัน. เมย์ ไอ อาสก์ ยัวร์ เพลส ออฟ ออริจิน ฟอร์ เอาเออร์ เรคคอร์ดส?)
แปล: ขอบคุณค่ะ คุณจอห์นสัน ขอทราบถิ่นกำเนิดของคุณสำหรับบันทึกของเราได้ไหมคะ?
ลูกค้า: I'm from New York, United States.
(ไอม ฟรอม นิว ยอร์ค, ยูไนเต็ด สเตทส์.)
แปล: ผมมาจากนิวยอร์ก, สหรัฐอเมริกาครับ
บทสนทนาที่ 3: การคุยแบบสบาย ๆ กับเพื่อนใหม่
เจส: Hey! I heard you're new around here. What do you go by?
(เฮย์! ไอ เฮิร์ด ยัวร์ นิว อะราวด์ เฮียร์. วอท ดู ยู โก บาย?)
แปล: เฮ้! ได้ยินว่านายเพิ่งย้ายมาที่นี่ นายชื่ออะไรเหรอ?
ไมค์: Yeah, I am. My name's Mike. What's your hometown?
(เย, ไอ แอม. มาย เนมส ไมค์. วอทส ยัวร์ โฮมทาวน์?)
แปล: ใช่แล้ว ฉันชื่อไมค์ บ้านเกิดนายที่ไหนเหรอ?
เจส: I grew up in Chicago. You're not from around here, are you?
(ไอ โกรว์ อัพ อิน ชิคาโก. ยัวร์ นอท ฟรอม อะราวด์ เฮียร์, อาร์ ยู?)
แปล: ฉันโตที่ชิคาโก นายไม่ใช่คนแถวนี้ใช่ไหม?
ไมค์: That's right! I just moved here from San Francisco.
(แดทส ไรท์! ไอ จัสท์ มูฟว์ เฮียร์ ฟรอม แซน ฟรานซิสโก.)
แปล: ถูกต้อง! ฉันเพิ่งย้ายมาจากซานฟรานซิสโก
คำศัพท์ (Vocabulary)
หมวด 1: การแนะนำตัวและถามข้อมูลส่วนตัว (Introduction & Personal Information)
Name (เนม) - ชื่อ
Full name (ฟูล เนม) - ชื่อเต็ม
First name (เฟิร์สท เนม) - ชื่อจริง
Last name (ลาสท์ เนม) - นามสกุล
Nickname (นิกเนม) - ชื่อเล่น
Ask (อาสก์) - ถาม
Have (แฮฟว) - มี
Know (โนว์) - รู้จัก
Tell (เทล) - บอก
Call (คอล) - เรียก
Address (แอดเดรส) - เรียก
Go by (โก บาย) - ใช้ชื่อ
Spell (สเปลล์) - สะกด
Meet (มีท) - พบ
Sorry (ซอร์รี) - ขอโทษ
Again (อะเกน) - อีกครั้ง
People (พีเพิล) - ผู้คน
Who (ฮู) - ใคร
What (วอท) - อะไร
How (ฮาว) - อย่างไร
หมวด 2: การถามถึงที่มาและถิ่นที่อยู่ (Origin & Location)
Where (แวร์) - ที่ไหน
From (ฟรอม) - จาก
Come from (คัม ฟรอม) - มาจาก
Originally (ออริจินัลลี) - ดั้งเดิม
Place of origin (เพลส ออฟ ออริจิน) - ถิ่นกำเนิด
Country (คันทรี) - ประเทศ
World (เวิลด์) - โลก
Native of (เนทิฟ ออฟ) - คนท้องถิ่นของ
Based (เบสท์) - อาศัยอยู่
Grow up (โกรว์ อัพ) - เติบโต
Hometown (โฮมทาวน์) - บ้านเกิด
Around here (อะราวด์ เฮียร์) - แถวนี้
Part of (พาร์ท ออฟ) - ส่วนของ
Local (โลคอล) - ท้องถิ่น
Accent (แอคเซนท์) - สำเนียง
Move (มูฟ) - ย้าย
Before (บีฟอร์) - ก่อน
Live (ลิฟว์) - อาศัย
Another (อะนอเธอร์) - อีก
Home (โฮม) - บ้าน
หมวด 3: ประโยคเพิ่มเติมและคำแนะนำ (Additional Phrases & Advice)
Should I (ชูด ไอ) - ฉันควร
Please (พลีส) - ได้โปรด
Thank you (แตงก์ ยู) - ขอบคุณ
Sorry (ซอร์รี) - ขอโทษ
Nice to meet you (ไนซ์ ทู มีท ยู) - ยินดีที่ได้รู้จัก
Welcome (เวลคัม) - ยินดีต้อนรับ
New (นิว) - ใหม่
Introduced (อินโทรดิวสท์) - แนะนำ
Conversation (คอนเวอร์เซชัน) - บทสนทนา
Fluent (ฟลูเอนท์) - คล่องแคล่ว
Practice (แพรคทิส) - ฝึกฝน
Helpful (เฮลพ์ฟูล) - มีประโยชน์
Confidence (คอนฟิเดนซ์) - ความมั่นใจ
Communication (คอมมูนิเคชัน) - การสื่อสาร
Relationship (รีเลชันชิพ) - ความสัมพันธ์
Impression (อิมเพรสชัน) - ความประทับใจ
Different (ดิฟเฟอร์เรนท์) - แตกต่าง
Situation (ซิทชูเอชัน) - สถานการณ์
Formal (ฟอร์มอล) - เป็นทางการ
Informal (อินฟอร์มอล) - ไม่เป็นทางการ
Polite (พะไลท์) - สุภาพ
Rude (รูด) - หยาบคาย
Avoid (อะวอยด์) - หลีกเลี่ยง
Remember (รีเมมเบอร์) - จำ
Yourself (ยัวร์เซลฟ์) - ตัวคุณเอง
Their (แดร์) - ของพวกเขา
My (มาย) - ของฉัน
Your (ยัวร์) - ของคุณ
Our (เอาเออร์) - ของพวกเรา
Its (อิทส) - ของมัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น