ถามให้เป็น ก็สนิทได้มากกว่าเดิม!
หลายคนคงคุ้นเคยกับการทักทายภาษาอังกฤษด้วยประโยคสุดคลาสสิกอย่าง "How are you?" แต่รู้ไหมว่า...ในโลกของภาษาอังกฤษ ยังมีอีกหลายวิธีที่จะถามไถ่สารทุกข์สุกดิบให้ดูเป็นธรรมชาติและเข้ากับสถานการณ์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการคุยกับเพื่อนสนิท, ติดต่อธุรกิจ, หรือแม้แต่การแสดงความห่วงใย บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ 20 ประโยคยอดฮิต ที่จะช่วยให้คุณสื่อสารได้อย่างคล่องแคล่วและสร้างความประทับใจได้ในทุกสถานการณ์!
มื่อเราทักทายใครสักคนด้วยคำว่า "How are you?" คำตอบที่ได้กลับมาก็มักจะเป็น "I'm fine, thank you. And you?" ซึ่งแม้จะถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว คนเจ้าของภาษาแทบจะไม่ใช้ประโยคเหล่านี้ในชีวิตประจำวันเลย การเรียนรู้ประโยคอื่น ๆ จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะจะช่วยให้เราสามารถเลือกใช้คำพูดที่เหมาะสมกับแต่ละสถานการณ์ได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทักทายแบบสบาย ๆ กับเพื่อน, การคุยแบบเป็นทางการในที่ทำงาน, หรือแม้แต่การแสดงความห่วงใยอย่างจริงใจ
1. ประโยคยอดนิยมและใช้บ่อย (Popular & Common Phrases)
ประโยคเหล่านี้เหมาะกับการใช้ในชีวิตประจำวันทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นการทักทายเพื่อนร่วมงาน, คนรู้จัก, หรือแม้แต่ผู้ใหญ่ที่เราคุ้นเคย
How are you doing? (ฮาว อาร์ ยู ดูอิง) - เป็นไงบ้าง?
ใช้ได้ในทุกสถานการณ์ คล้ายกับ "How are you?" แต่ฟังดูเป็นธรรมชาติมากกว่า
How's everything? (ฮาวส เอฟวรีติง) - ทุกอย่างเป็นไงบ้าง?
ใช้ถามสารทุกข์สุกดิบแบบรวม ๆ ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว
What's up? (วอทส อัพ) - เป็นไงบ้าง?
คำนี้เป็นที่นิยมมากในหมู่เพื่อนสนิท ให้ความรู้สึกเป็นกันเองและไม่เป็นทางการ
How have you been? (ฮาว แฮฟ ยู บีน) - ที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้าง?
ใช้ถามคนที่ไม่ได้เจอกันนาน หรือคนที่เคยคุยกันไปแล้วและอยากรู้ว่าชีวิตที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง
How are things? (ฮาว อาร์ ติงส์) - อะไร ๆ เป็นยังไงบ้าง?
ใช้ได้ทั่วไป คล้ายกับ "How's everything?"
2. ประโยคที่ใช้ถามแบบสบาย ๆ (Casual Phrases)
ถ้าคุณอยากให้การสนทนาดูผ่อนคลายและเป็นกันเองมากขึ้น ลองใช้ประโยคเหล่านี้กับเพื่อนสนิทหรือคนในครอบครัวดูสิ
How's it going? (ฮาวส อิท โกอิง) - เป็นไงบ้าง?
ใช้บ่อยมากและให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติสุด ๆ
What's new? (วอทส นิว) - มีอะไรใหม่บ้าง?
ใช้ถามเพื่อให้ได้คำตอบที่น่าสนใจกว่าแค่ "สบายดี"
How have you been doing? (ฮาว แฮฟ ยู บีน ดูอิง) - ช่วงนี้เป็นไงบ้าง?
คล้ายกับ "How have you been?" แต่เน้นที่ช่วงเวลา "ช่วงนี้" มากกว่า
What's going on? (วอทส โกอิง ออน) - เกิดอะไรขึ้นบ้าง?
ใช้ถามเพื่อนแบบเป็นกันเอง ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังอัปเดตเรื่องราวชีวิตกัน
How's life? (ฮาวส ไลฟ์) - ชีวิตเป็นยังไงบ้าง?
เป็นคำถามที่ลึกซึ้งขึ้นมาหน่อย เหมาะกับการคุยกับเพื่อนสนิทที่พร้อมจะแชร์เรื่องราวชีวิตให้กันฟัง
3. ประโยคที่ใช้ในเชิงธุรกิจหรือเป็นทางการ (Formal Phrases)
เมื่อต้องติดต่อกับลูกค้า, ผู้บริหาร, หรือคนที่ไม่รู้จักมาก่อน การใช้คำที่สุภาพและเป็นทางการจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือได้
How do you do? (ฮาว ดู ยู ดู) - เป็นอย่างไรบ้าง?
เป็นทางการมาก และมักใช้เมื่อเจอคนครั้งแรกในสถานการณ์ที่เป็นทางการ เช่น งานเลี้ยงธุรกิจ
Are you well? (อาร์ ยู เวล) - คุณสบายดีไหม?
สุภาพและเป็นทางการมาก
I hope you are well. (ไอ โฮป ยู อาร์ เวล) - หวังว่าคุณจะสบายดีนะ
ใช้ในการเริ่มต้นอีเมลหรือจดหมายทางธุรกิจ
How are you feeling today? (ฮาว อาร์ ยู ฟีลลิง ทูเดย์) - วันนี้รู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง?
ใช้ถามคนที่ป่วยหรือไม่สบาย
How have you been lately? (ฮาว แฮฟ ยู บีน เลทลี) - ช่วงนี้คุณเป็นยังไงบ้าง?
เป็นคำถามสุภาพที่ใช้ถามคนที่เราเคยรู้จักมาก่อน แต่ไม่ได้เจอกันนาน
4. ประโยคที่ใช้สื่อถึงความห่วงใย (Caring Phrases)
ในบางสถานการณ์ เราอาจต้องแสดงออกถึงความห่วงใยอย่างจริงใจ ประโยคเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ฟังรู้สึกดีขึ้นได้
Are you doing okay? (อาร์ ยู ดูอิง โอเคน) - คุณโอเคไหม?
ใช้ถามเมื่อสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายอาจจะมีปัญหา
Are you alright? (อาร์ ยู ออลไรท์) - คุณสบายดีไหม?
คล้ายกับ "Are you doing okay?" มักใช้ถามเมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายดูไม่ดี
Everything alright with you? (เอฟวรีติง ออลไรท์ วิธ ยู) - ทุกอย่างเรียบร้อยดีกับคุณไหม?
คำถามที่ใช้แสดงความห่วงใยอย่างจริงใจ
How's everything with you? (ฮาวส เอฟวรีติง วิธ ยู) - ทุกอย่างกับคุณเป็นอย่างไรบ้าง?
คล้ายกับ "How's everything?" แต่เจาะจงที่ตัวบุคคลมากกว่า
Is everything okay? (อิส เอฟวรีติง โอเคน) - ทุกอย่างโอเคไหม?
ใช้เมื่อต้องการถามแบบตรง ๆ ว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า
และนอกเหนือจากประโยคเหล่านี้ บางครั้งการทักทายก็เริ่มต้นด้วยคำง่าย ๆ อย่าง "Hey" หรือ "Hi" แล้วตามด้วยบทสนทนาที่สนุกสนานก็ได้เช่นกัน เพราะสิ่งสำคัญที่สุดของการสื่อสารไม่ใช่แค่การใช้ประโยคที่ถูกต้อง แต่คือการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่างหาก
ตัวอย่างบทสนทนา (Conversation Examples)
บทสนทนาที่ 1: การทักทายเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนาน
เจสสิก้า: Hey, Kevin! What's up?
(เฮย์, เควิน! วอทส อัพ)
แปล: เฮ้, เควิน! เป็นไงบ้าง?
เควิน: Hey, Jessica! I haven't seen you in ages. How have you been?
(เฮย์, เจสสิก้า! ไอ แฮฟวึนท์ ซีน ยู อิน เอจเจส. ฮาว แฮฟ ยู บีน?)
แปล: เฮ้, เจสสิก้า! ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้าง?
เจสสิก้า: I've been great! Just busy with work. What's new with you?
(ไอฟ บีน เกรท! จัสท์ บิซซี วิธ เวิร์ค. วอทส นิว วิธ ยู?)
แปล: ฉันสบายดี! แค่ยุ่ง ๆ กับงานน่ะ มีอะไรใหม่ ๆ บ้าง?
เควิน: Nothing much. Just enjoying my free time. How's everything with your family?
(นัทติง มัช. จัสท์ เอนจอยอิง มาย ฟรี ไทม์. ฮาวส เอฟวรีติง วิธ ยัวร์ แฟมิลี?)
แปล: ไม่มีอะไรมาก แค่กำลังสนุกกับเวลาว่างน่ะ ครอบครัวเป็นไงบ้าง?
เจสสิก้า: They're all doing well, thanks for asking!
(เดร ออล ดูอิง เวล, แตงกส ฟอร์ อาสกิง!)
แปล: พวกเขาสบายดีกันหมดเลย ขอบคุณที่ถามนะ!
บทสนทนาที่ 2: การคุยกับลูกค้าในเชิงธุรกิจ
ผู้จัดการ: Good morning, Mr. Jones. How are you doing today?
(กูด มอร์นิง, มิสเตอร์ โจนส์. ฮาว อาร์ ยู ดูอิง ทูเดย์?)
แปล: สวัสดีตอนเช้าครับ คุณโจนส์ วันนี้คุณเป็นอย่างไรบ้าง?
ลูกค้า: Good morning. I'm well, thank you. And you?
(กูด มอร์นิง. ไอม เวล, แตงก์ ยู. แอนด์ ยู?)
แปล: สวัสดีครับ ผมสบายดี ขอบคุณครับ แล้วคุณล่ะครับ?
ผู้จัดการ: I'm doing great, thank you. So, are you ready to discuss the new project?
(ไอม ดูอิง เกรท, แตงก์ ยู. โซ, อาร์ ยู เรดดี ทู ดิสคัส เดอะ นิว โพรเจกท์?)
แปล: ผมก็สบายดีครับ ขอบคุณครับ งั้นคุณพร้อมจะคุยเรื่องโครงการใหม่หรือยังครับ?
ลูกค้า: I hope you are well, too. Yes, I have the report with me.
(ไอ โฮป ยู อาร์ เวล, ทู. เยส, ไอ แฮฟ เดอะ รีพอร์ท วิธ มี.)
แปล: ผมก็หวังว่าคุณจะสบายดีเช่นกันครับ ครับ ผมมีรายงานอยู่กับตัวแล้ว
ผู้จัดการ: Wonderful. Let's get started.
(วันเดอร์ฟูล. เลทส เกท สตาร์ทเทด.)
แปล: เยี่ยมเลยครับ งั้นเรามาเริ่มกันเลย
บทสนทนาที่ 3: การถามไถ่เมื่อเห็นเพื่อนดูไม่ดี
ลินดา: Hey Mark, you look a bit tired. Are you doing okay?
(เฮย์ มาร์ค, ยู ลุค อะ บิท ไทร์ด. อาร์ ยู ดูอิง โอเคน?)
แปล: เฮ้ มาร์ค, ดูเหมือนนายจะเหนื่อย ๆ นะ นายโอเคไหม?
มาร์ค: Oh, hey Linda. I'm just a little stressed with work. Thanks for asking.
(โอ, เฮย์ ลินดา. ไอม จัสท์ อะ ลิทเทิล สเตรส วิธ เวิร์ค. แตงกส ฟอร์ อาสกิง.)
แปล: อ๋อ, เฮ้ ลินดา. ฉันแค่เครียด ๆ กับงานน่ะ ขอบคุณที่ถามนะ
ลินดา: Is everything alright with you? Don't push yourself too hard.
(อิส เอฟวรีติง ออลไรท์ วิธ ยู? โดนท์ พุช ยัวร์เซลฟ์ ทู ฮาร์ด.)
แปล: ทุกอย่างเรียบร้อยดีกับนายไหม? อย่าหักโหมมากนะ
มาร์ค: I appreciate it. I'll be fine. How's life treating you?
(ไอ แอพพรีชีเอท อิท. ไอล์ บี ฟายน์. ฮาวส ไลฟ์ ทรีททิง ยู?)
แปล: ขอบใจนะ ฉันจะสบายดีขึ้นเอง ชีวิตนายเป็นยังไงบ้าง?
ลินดา: Not bad! But I'm always here if you need to talk.
(นอท แบด! บัท ไอม ออลเวย์ส เฮียร์ อิฟ ยู นีด ทู ทอล์ค.)
แปล: ก็ไม่เลวนะ! แต่ฉันอยู่ตรงนี้เสมอนะ ถ้าอยากจะคุยอะไร
คำศัพท์ (Vocabulary)
หมวด 1: การทักทายและการถามสารทุกข์สุกดิบ (Greetings & Well-being)
Doing (ดูอิง) - กำลังทำ
Everything (เอฟวรีติง) - ทุกอย่าง
How's (ฮาวส) - เป็นอย่างไรบ้าง (ย่อมาจาก How is)
What's up (วอทส อัพ) - เป็นอย่างไรบ้าง (ใช้กับเพื่อน)
Have been (แฮฟ บีน) - ที่ผ่านมา
Things (ติงส์) - สิ่งต่าง ๆ
Going (โกอิง) - กำลังดำเนินไป
New (นิว) - ใหม่
Doing (ดูอิง) - กำลังทำ
Going on (โกอิง ออน) - เกิดขึ้น
Life (ไลฟ์) - ชีวิต
Do (ดู) - ทำ
Well (เวล) - สบายดี
Hope (โฮป) - หวัง
Feeling (ฟีลลิง) - ความรู้สึก
Today (ทูเดย์) - วันนี้
Lately (เลทลี) - ช่วงนี้
Okay (โอเคน) - โอเค, ตกลง
Alright (ออลไรท์) - เรียบร้อยดี, สบายดี
Everything (เอฟวรีติง) - ทุกอย่าง
Hey (เฮย์) - เฮ้
Hi (ไฮ) - สวัสดี
Hello (เฮลโล) - สวัสดี
Morning (มอร์นิง) - ตอนเช้า
Good (กูด) - ดี
Afternoon (อาฟเตอร์นูน) - ตอนบ่าย
Evening (อีฟวีนิง) - ตอนเย็น
Nice (ไนซ์) - ดี
Meet (มีท) - พบ
You (ยู) - คุณ
Welcome (เวลคัม) - ยินดีต้อนรับ
Fine (ฟายน์) - สบายดี
Great (เกรท) - ยอดเยี่ยม
Good (กูด) - ดี
Wonderful (วันเดอร์ฟูล) - ยอดเยี่ยม
Not bad (นอท แบด) - ไม่เลว
Stressed (สเตรสท์) - เครียด
Tired (ไทร์ด) - เหนื่อย
Busy (บิซซี) - ยุ่ง
Thanks (แตงกส) - ขอบคุณ
Thank you (แตงก์ ยู) - ขอบคุณ
So (โซ) - ดังนั้น, งั้น
Ready (เรดดี) - พร้อม
Discuss (ดิสคัส) - อภิปราย, คุย
Project (โพรเจกท์) - โครงการ
Report (รีพอร์ท) - รายงาน
With (วิธ) - กับ
Me (มี) - ฉัน, ผม
Let's (เลทส) - มา...กันเถอะ (ย่อมาจาก Let us)
Get started (เกท สตาร์ทเทด) - เริ่มต้น
Look (ลุค) - ดู
A bit (อะ บิท) - นิดหน่อย
Push (พุช) - ผลัก, ดัน
Yourself (ยัวร์เซลฟ์) - ตัวคุณเอง
Too hard (ทู ฮาร์ด) - มากเกินไป
Appreciate (แอพพรีชีเอท) - ซาบซึ้ง, รู้สึกขอบคุณ
I'll be fine (ไอล บี ฟายน์) - ฉันจะสบายดี (ย่อมาจาก I will be fine)
Treating (ทรีททิง) - ปฏิบัติ, ดูแล
Talk (ทอล์ค) - คุย
Need (นีด) - ต้องการ
Here (เฮียร์) - ที่นี่, ตรงนี้
Always (ออลเวย์ส) - เสมอ
Never (เนฟเวอร์) - ไม่เคย
Sometimes (ซัมไทม์ส) - บางครั้ง
Often (ออฟเทน) - บ่อย ๆ
Rarely (แรร์ลี) - ไม่บ่อย
Daily (เดลี) - ทุกวัน
Weekly (วีคลี) - รายสัปดาห์
Monthly (มันธลี) - รายเดือน
Annually (แอนนูเอลลี) - รายปี
Family (แฟมิลี) - ครอบครัว
Friend (เฟรนด์) - เพื่อน
Colleague (คอลลีก) - เพื่อนร่วมงาน
Boss (บอส) - เจ้านาย
Client (ไคลเอนท์) - ลูกค้า
Stranger (สเตรนเจอร์) - คนแปลกหน้า
Teacher (ทีชเชอร์) - ครู
Student (สตูดเดนท์) - นักเรียน
Manager (แมนเนเจอร์) - ผู้จัดการ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น