ค้นหาบล็อกนี้

วันพุธที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2568

​รู้ลึกเรื่อง ‘in’: คู่มือใช้ Verb with ‘in’ ที่เข้าใจง่ายกว่าที่เคย

 เชื่อมั่นในตัวเอง สวมใส่ความสำเร็จ: สำรวจคำกริยาภาษาอังกฤษที่มาพร้อมกับ ‘in’

​รู้ลึกเรื่อง ‘in’: คู่มือใช้ Verb with ‘in’ ที่เข้าใจง่ายกว่าที่เคย

​คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมคำกริยาบางคำในภาษาอังกฤษถึงชอบมีคำว่า “in” ตามหลัง? เช่น “believe in” หรือ “live in”? คำว่า “in” ไม่ได้เป็นแค่คำบอกตำแหน่ง แต่ยังทำหน้าที่เชื่อมคำกริยาให้มีความหมายเฉพาะเจาะจงมากขึ้น บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจคำกริยาที่ใช้บ่อยกับ “in” พร้อมตัวอย่างที่นำไปใช้ได้จริง



​ถ้าพร้อมแล้ว... ไปดูกันเลย!

​1. ความเชื่อมั่นและความรู้สึก (Belief & Feelings)

​กลุ่มนี้จะใช้ “in” เพื่อบอกว่าเราเชื่อในบางสิ่งบางอย่าง หรือมีความรู้สึกต่อสิ่งนั้น

​Believe in (เชื่อมั่นใน)

​I believe in you. (ฉันเชื่อมั่นในตัวคุณ)

​Confide in (ไว้ใจ, บอกความลับกับ)

​You can confide in me. (คุณไว้ใจฉันได้นะ)

​Take pride in (ภูมิใจใน)

​She takes pride in her work. (เธอภูมิใจในงานของเธอ)

​Delight in (มีความสุขกับ)

​The children delighted in playing in the rain. (เด็ก ๆ มีความสุขกับการเล่นกลางสายฝน)

​Fall in (ตกหลุมรัก)

​He fell in love with her at first sight. (เขาตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น)

​Indulge in (ตามใจตัวเองด้วย)

​I like to indulge in chocolate. (ฉันชอบตามใจตัวเองด้วยช็อกโกแลต)

​2. การเข้าร่วมและการมีส่วนร่วม (Participation & Involvement)

​“in” ในกลุ่มนี้จะหมายถึงการเข้าไปมีส่วนร่วมหรืออยู่ในกิจกรรมใด ๆ

​Dress in (แต่งตัวด้วย)

​She always dresses in black. (เธอแต่งตัวด้วยชุดสีดำเสมอ)

​Participate in / Take part in (เข้าร่วมใน)

​We will participate in the meeting tomorrow. (เราจะเข้าร่วมการประชุมพรุ่งนี้)

​Engage in (เข้าไปมีส่วนร่วมใน)

​Don't engage in gossip. (อย่าเข้าไปมีส่วนร่วมในการนินทา)

​Succeed in (ประสบความสำเร็จในการ)

​He succeeded in his new business. (เขาประสบความสำเร็จในธุรกิจใหม่)

​Specialise in (เชี่ยวชาญด้าน)

​This doctor specialises in cardiology. (หมอคนนี้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจ)

​Enrol in (ลงทะเบียนเรียนใน)

​She decided to enrol in a yoga class. (เธอตัดสินใจลงทะเบียนเรียนในชั้นเรียนโยคะ)

​Persist in (ยืนหยัดใน, ดื้อรั้นที่จะ)

​He persisted in his efforts despite the failures. (เขายืนหยัดในความพยายามของเขาแม้จะล้มเหลว)

​Involve in (เข้าไปพัวพัน, เข้าไปเกี่ยวข้องกับ)

​Don't get involved in their argument. (อย่าเข้าไปพัวพันกับการโต้เถียงของพวกเขา)

​3. การเปลี่ยนแปลงและผลลัพธ์ (Change & Results)

​กลุ่มนี้จะใช้ “in” เพื่อบอกถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น

​Result in (ส่งผลให้)

​The accident resulted in minor injuries. (อุบัติเหตุส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บเล็กน้อย)

​Vary in (มีความแตกต่างกันในด้าน)

​The products vary in size and colour. (สินค้ามีความแตกต่างกันในด้านขนาดและสี)

​Consist in (ประกอบด้วย)

​Happiness consists in contentment. (ความสุขประกอบด้วยความพอใจ)

​4. สถานที่และการกระทำในสถานที่ (Location & Action)

​“in” กลุ่มนี้จะมีความหมายตรงตัวมากขึ้น คือใช้เพื่อบอกสถานที่

​Arrive in (เดินทางมาถึง)

​They arrived in Bangkok yesterday. (พวกเขาเดินทางมาถึงกรุงเทพฯ เมื่อวานนี้)

​Reside in / Live in (อาศัยอยู่ใน)

​My grandparents reside in a small village. (ปู่ย่าของฉันอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ)

​Settle in (ปรับตัวเข้ากับสถานที่)

​I hope you can settle in soon. (ฉันหวังว่าคุณจะสามารถปรับตัวเข้ากับที่นี่ได้เร็ว ๆ นี้)

​Hide in (ซ่อนอยู่ใน)

​The cat hid in the bushes. (แมวซ่อนอยู่ในพุ่มไม้)

​Soak in (ดื่มด่ำ, ซึมซับ)

​Let's soak in the warm sun. (มาดื่มด่ำกับแสงแดดอุ่น ๆ กันเถอะ)

​Write in (เขียนใน)

​You should write in your diary every day. (คุณควรเขียนในไดอารี่ของคุณทุกวัน)

​5. การค้าขายและการลงทุน (Business & Investment)

​กลุ่มสุดท้ายนี้จะใช้ “in” กับเรื่องการเงินและการทำธุรกิจ

​Invest in (ลงทุนใน)

​You should invest in a good pair of shoes. (คุณควรลงทุนในรองเท้าดี ๆ สักคู่)

​Deal in (ค้าขาย)

​My uncle deals in antique furniture. (ลุงของฉันค้าขายเฟอร์นิเจอร์โบราณ)

​Include in (รวมไว้ใน)

​Please include my name in the list. (โปรดรวมชื่อของฉันไว้ในรายชื่อด้วย)


ตัวอย่างบทสนทนาที่ใช้ "in"

​A: Can you help me with this project?

​B: I'm not sure if I can, but I believe in your ability to do it on your own.

​แปล:

​A: คุณช่วยฉันเรื่องโปรเจกต์นี้ได้ไหม?

​B: ฉันไม่แน่ใจว่าจะช่วยได้ไหม แต่ฉัน เชื่อมั่นใน ความสามารถของคุณที่จะทำได้ด้วยตัวเองนะ

​A: I need to find something to wear for the party.

​B: Why don't you dress in something bright and colourful?

​แปล:

​A: ฉันต้องหาชุดไปงานปาร์ตี้

​B: ทำไมไม่ลอง แต่งตัวด้วย สีสว่างๆ ดูล่ะ?

​A: How was your exam?

​B: I think I will succeed in passing it.

​แปล:

​A: ข้อสอบเป็นไงบ้าง?

​B: ฉันคิดว่าฉันจะ ประสบความสำเร็จในการ สอบผ่าน

​A: What kind of law does your firm do?

​B: We specialise in corporate law.

​แปล:

​A: บริษัทคุณทำกฎหมายประเภทไหน?

​B: เรา เชี่ยวชาญด้าน กฎหมายธุรกิจ

​A: Are you going to the marathon?

​B: Yes, I will participate in it.

​แปล:

​A: คุณจะไปงานมาราธอนไหม?

​B: ไปสิ ฉันจะ เข้าร่วม งานนั้น

​A: Why did the price go up?

​B: The high demand resulted in the price increase.

​แปล:

​A: ทำไมราคาถึงขึ้น?

​B: ความต้องการที่สูง ส่งผลให้ ราคาเพิ่มขึ้น

​A: When did they get here?

​B: They arrived in London this morning.

​แปล:

​A: พวกเขามาถึงเมื่อไหร่?

​B: พวกเขา มาถึง ลอนดอนเมื่อเช้านี้

​A: Should I write down the names of everyone?

​B: Yes, please include in the names of all the guests.

​แปล:

​A: ฉันต้องเขียนชื่อทุกคนลงไปไหม?

​B: ใช่ โปรด รวม ชื่อแขกทุกคน ไว้ใน รายชื่อด้วย

​A: Why are they arguing?

​B: I don't know, but I don't want to engage in their quarrel.

​แปล:

​A: ทำไมพวกเขากำลังทะเลาะกัน?

​B: ฉันไม่รู้ แต่ฉันไม่อยาก เข้าไปมีส่วนร่วมใน การทะเลาะของพวกเขา

​A: Why do you keep trying?

​B: I persist in my goal of becoming a doctor.

​แปล:

​A: ทำไมคุณถึงพยายามอยู่เรื่อยๆ?

​B: ฉัน ยืนหยัดใน เป้าหมายที่จะเป็นหมอ

​A: What are you doing this semester?

​B: I'm going to enrol in a cooking class.

​แปล:

​A: เทอมนี้คุณจะทำอะไร?

​B: ฉันจะไป ลงทะเบียนเรียน วิชาทำอาหาร

​A: How can I save money?

​B: You should invest in stocks.

​แปล:

​A: ฉันจะเก็บเงินยังไงดี?

​B: คุณควร ลงทุนใน หุ้น

​A: Where does he live?

​B: He resides in a big house near the park.

​แปล:

​A: เขาอยู่ที่ไหน?

​B: เขา อาศัยอยู่ใน บ้านหลังใหญ่ใกล้สวนสาธารณะ

​A: How's your new apartment?

​B: It's good, I'm slowly settling in.

​แปล:

​A: อพาร์ทเมนต์ใหม่เป็นไงบ้าง?

​B: ดีนะ ฉันกำลัง ปรับตัวเข้ากับ ที่นี่อย่างช้าๆ

​A: What is his business?

​B: He deals in rare books.

​แปล:

​A: ธุรกิจของเขาคืออะไร?

​B: เขา ค้าขาย หนังสือหายาก

​A: Can I tell you something?

​B: Yes, you can confide in me.

​แปล:

​A: ฉันขอเล่าอะไรให้ฟังได้ไหม?

​B: ได้สิ คุณ ไว้ใจ ฉันได้

​A: You look happy.

​B: I just like to indulge in a good movie after a long week.

​แปล:

​A: คุณดูมีความสุขนะ

​B: ฉันแค่ชอบ ตามใจตัวเอง ด้วยหนังดีๆ หลังจากทำงานมาทั้งสัปดาห์

​A: What did the kids do?

​B: They delighted in playing with their new puppy.

​แปล:

​A: เด็กๆ ทำอะไร?

​B: พวกเขา มีความสุข กับการเล่นกับลูกสุนัขตัวใหม่

​A: Are you joining the game?

​B: Yes, I'd like to take part in it.

​แปล:

​A: คุณจะเข้าร่วมเกมไหม?

​B: ใช่ ฉันอยากจะ เข้าร่วม

​A: What is the secret to a long life?

​B: A long life consists in good health and happiness.

​แปล:

​A: ความลับของการมีอายุยืนคืออะไร?

​B: การมีอายุยืน ประกอบด้วย สุขภาพที่ดีและความสุข

​A: Are all the products the same?

​B: No, they vary in price and quality.

​แปล:

​A: สินค้าทุกอย่างเหมือนกันไหม?

​B: ไม่ พวกมัน แตกต่างกัน ในด้านราคาและคุณภาพ

​A: What's going on there?

​B: It's a family issue. Don't get involved in it.

​แปล:

​A: เกิดอะไรขึ้นตรงนั้น?

​B: เป็นเรื่องในครอบครัว อย่า เข้าไปพัวพัน เลย

​A: How did you two meet?

​B: We fell in love at first sight.

​แปล:

​A: คุณสองคนเจอกันได้ยังไง?

​B: เรา ตกหลุมรักกันตั้งแต่แรกเห็น

​A: What do you do in your free time?

​B: I like to write in my journal.

​แปล:

​A: คุณทำอะไรในเวลาว่าง?

​B: ฉันชอบ เขียนใน ไดอารี่ของฉัน

​A: Let's go to the beach.

​B: Great idea! I want to soak in the atmosphere.

​แปล:

​A: ไปทะเลกันเถอะ

​B: เป็นความคิดที่ดี! ฉันอยากจะ ซึมซับ บรรยากาศ

​A: Where is the cat?

​B: It's hiding in the closet.

​แปล:

​A: แมวอยู่ไหน?

​B: มัน ซ่อนอยู่ใน ตู้เสื้อผ้า

​A: She seems very confident in her work.

​B: Yes, she takes pride in her craftsmanship.

​แปล:

​A: เธอเหมือนมั่นใจในงานของเธอมากเลย

​B: ใช่ เธอ ภูมิใจใน งานฝีมือของเธอ

​A: Where do you live?

​B: I live in the suburbs of Tokyo.

​แปล:

​A: คุณอาศัยอยู่ที่ไหน?

​B: ฉัน อาศัยอยู่ใน ชานเมืองโตเกียว

​A: What's your investment strategy?

​B: I usually invest in low-risk bonds.

​แปล:

​A: กลยุทธ์การลงทุนของคุณคืออะไร?

​B: ฉันมักจะ ลงทุนใน พันธบัตรที่มีความเสี่ยงต่ำ

​A: Did he manage to fix it?

​B: Yes, he succeeded in repairing the computer.

​แปล:

​A: เขาซ่อมมันได้ไหม?

​B: ได้สิ เขา ประสบความสำเร็จในการ ซ่อมคอมพิวเตอร์

​หวังว่าคู่มือนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจและใช้คำกริยาที่มาพร้อมกับ “in” ได้อย่างถูกต้องและมั่นใจมากขึ้น ลองนำไปฝึกใช้ในบทสนทนาหรือการเขียนดูนะคะ!

​แล้วคุณล่ะ? มีคำกริยาที่ใช้กับ “in” คำไหนที่ชอบเป็นพิเศษบ้างไหม?

วันจันทร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2568

มากกว่า "Nice to meet you": 20+ วิธีบอก "ยินดีที่ได้รู้จัก" ให้ดูเป็นมือโปร

 เริ่มต้นบทสนทนาอย่างมีสไตล์และสร้างความประทับใจตั้งแต่แรกเจอ

การทักทายและบอกว่า "ยินดีที่ได้รู้จัก" เป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ แต่ถ้าคุณยังคงใช้แค่ "Nice to meet you" อาจทำให้คุณพลาดโอกาสในการสร้างความประทับใจที่แตกต่างออกไป บทความนี้จะนำเสนอวิธีบอก "ยินดีที่ได้รู้จัก" ที่หลากหลาย ทั้งในแบบที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ เพื่อให้คุณสามารถเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสม และดูเป็นธรรมชาติในทุกสถานการณ์



การแสดงความยินดีที่ได้รู้จักใครสักคนอย่างถูกต้องและเป็นธรรมชาติ จะช่วยให้การสนทนาเริ่มต้นได้อย่างราบรื่นและสร้างบรรยากาศที่ดี มาดูกันว่ามีวิธีไหนบ้างที่คุณสามารถนำไปใช้ได้

1. ประโยคที่ใช้บ่อยและเป็นกลาง (Common & Neutral Phrases)

ประโยคเหล่านี้เหมาะสำหรับการใช้ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นการพบปะคนใหม่ในงานสังคมหรือการแนะนำตัวกับเพื่อนร่วมงาน

  • It's a pleasure to meet you. (อิทส อะ พเลเชอร์ ทู มีท ยู.) - เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบคุณ

  • It was great to meet you. (อิท วอส เกรท ทู มีท ยู.) - ดีมากเลยที่ได้เจอคุณ

  • Glad to meet you. (แกลด ทู มีท ยู.) - ยินดีที่ได้เจอคุณ

  • Pleasure to meet you. (พเลเชอร์ ทู มีท ยู.) - ยินดีที่ได้รู้จัก (เป็นแบบสั้นๆ และสุภาพ)

  • Lovely to meet you. (ลัฟลี ทู มีท ยู.) - ยินดีที่ได้พบคุณ

2. ประโยคที่เป็นทางการ (Formal Phrases)

ในสถานการณ์ทางธุรกิจหรือการพบปะบุคคลสำคัญ การใช้ประโยคที่แสดงความเคารพจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ

  • I'm delighted to make your acquaintance. (ไอม ดีไลท์เทด ทู เมค ยัวร์ อะเคว็นทินซ.) - ฉันยินดีอย่างยิ่งที่ได้รู้จักคุณ

  • It's an honor to meet you. (อิทส แอน ออนเนอร์ ทู มีท ยู.) - เป็นเกียรติที่ได้พบคุณ

  • I'm so pleased to meet you. (ไอม โซ พลีสด์ ทู มีท ยู.) - ฉันยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้พบคุณ

  • I've heard so much about you. (ไอฟว์ เฮิร์ด โซ มัช อะเบาท์ ยู.) - ฉันได้ยินเรื่องของคุณมาเยอะมาก (ใช้เมื่อคุณรู้จักอีกฝ่ายมาก่อน)

  • I've been looking forward to meeting you. (ไอฟว์ บีน ลุคคิง ฟอร์เวิร์ด ทู มีททิง ยู.) - ฉันตั้งตารอที่จะได้พบคุณ

3. ประโยคที่ไม่เป็นทางการ (Informal Phrases)

ประโยคเหล่านี้เหมาะสำหรับใช้กับเพื่อนใหม่หรือคนที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน ให้ความรู้สึกเป็นกันเองและผ่อนคลาย

  • Good to meet you. (กูด ทู มีท ยู.) - ดีที่ได้เจอคุณ

  • Nice to see you. (ไนซ์ ทู ซี ยู.) - ดีใจที่ได้เจอคุณ (ใช้เมื่อเจอคนที่รู้จักแล้ว)

  • It's been great getting to know you. (อิทส บีน เกรท เกททิง ทู โนว์ ยู.) - ดีมากเลยที่ได้รู้จักคุณ

  • So nice to finally meet you in person. (โซ ไนซ์ ทู ไฟนอลลี มีท ยู อิน เพอร์เซิน.) - ในที่สุดก็ได้เจอตัวจริงสักที

  • It was a real pleasure meeting you. (อิท วอส อะ เรียล พเลเชอร์ มีททิง ยู.) - ยินดีอย่างมากเลยที่ได้พบคุณ

4. ประโยคที่ใช้ในการตอบกลับ (Replies)

เมื่อมีคนบอกว่า "ยินดีที่ได้รู้จัก" กับคุณ การตอบกลับอย่างเหมาะสมจะช่วยให้การสนทนาดูดีและเป็นธรรมชาติ

  • You too! (ยู ทู!) - คุณก็เหมือนกัน!

  • Likewise! (ไลค์ไวส์!) - เช่นกัน!

  • The pleasure is all mine. (เดอะ พเลเชอร์ อิส ออล มายน์.) - ฉันต่างหากที่ยินดี (เป็นการตอบกลับที่สุภาพมาก)

  • It was great meeting you as well. (อิท วอส เกรท มีททิง ยู แอส เวล.) - ฉันก็ดีใจที่ได้เจอคุณเช่นกัน

  • I feel the same. (ไอ ฟีล เดอะ เซม.) - ฉันก็รู้สึกเช่นกัน


คำแนะนำเพิ่มเติม (Additional Advice)

การบอก "ยินดีที่ได้รู้จัก" อย่างมีประสิทธิภาพ ควรทำพร้อมกับการยิ้มและการสบตาคู่สนทนา ซึ่งจะช่วยสร้างความประทับใจที่ดีตั้งแต่แรกพบ

  • It's a pleasure to meet you, [ชื่อ]. - เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบคุณ, [ชื่อ] (การเรียกชื่อคู่สนทนาจะช่วยให้รู้สึกเป็นกันเองมากขึ้น)

  • Nice to meet you. I've heard so many good things about you from [ชื่อบุคคล]. - ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ฉันได้ยินเรื่องดีๆ เกี่ยวกับคุณจาก [ชื่อบุคคล] มาเยอะเลยค่ะ

  • It's great to finally put a face to the name! - ดีมากเลยที่ในที่สุดก็ได้เห็นหน้าตามชื่อเสียที! (ใช้เมื่อคุณเคยคุยกับอีกฝ่ายผ่านโทรศัพท์หรืออีเมลมาก่อน)


ตัวอย่างบทสนทนา (Conversation Examples)

บทสนทนาที่ 1: การแนะนำตัวในงานธุรกิจ

ผู้จัดการ: Hello, Mr. Jones. It's an honor to meet you. I've been looking forward to this for a long time.
(เฮลโล, มิสเตอร์ โจนส์. อิทส แอน ออนเนอร์ ทู มีท ยู. ไอฟว์ บีน ลุคคิง ฟอร์เวิร์ด ทู ดิส ฟอร์ อะ ลอง ไทม์.)
แปล: สวัสดีครับคุณโจนส์ เป็นเกียรติที่ได้พบคุณครับ ผมตั้งตารอวันนี้มานานแล้วครับ ลูกค้า: The pleasure is all mine, Mr. Smith. It was a real pleasure meeting you.
(เดอะ พเลเชอร์ อิส ออล มายน์, มิสเตอร์ สมิธ. อิท วอส อะ เรียล พเลเชอร์ มีททิง ยู.)
แปล: ฉันต่างหากที่ยินดีครับคุณสมิธ เป็นความยินดีอย่างยิ่งที่ได้พบคุณครับ 

ผู้จัดการ: I'm delighted to make your acquaintance. Shall we get started?
(ไอม ดีไลท์เทด ทู เมค ยัวร์ อะเคว็นทินซ. แชล วี เกท สตาร์ทเทด?)
แปล: ฉันยินดีอย่างยิ่งที่ได้รู้จักคุณครับ เราจะเริ่มกันเลยไหมครับ?

บทสนทนาที่ 2: การคุยกับเพื่อนใหม่ในงานเลี้ยง

ไมค์: Hi, I'm Mike. It was great to meet you! You're friends with Tom, right?
(ไฮ, ไอม ไมค์. อิท วอส เกรท ทู มีท ยู! ยัวร์ เฟรนดส วิธ ทอม, ไรท์?)
แปล: สวัสดีครับ ผมชื่อไมค์ ดีมากเลยที่ได้เจอคุณ! คุณเป็นเพื่อนกับทอมใช่ไหม? 

ซูซาน: Yes, I am. Nice to meet you too, Mike. You too!
(เยส, ไอ แอม. ไนซ์ ทู มีท ยู ทู, ไมค์. ยู ทู!)
แปล: ใช่ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะไมค์ คุณก็เช่นกัน! 

ไมค์: It's been great getting to know you. Your stories are amazing!
(อิทส บีน เกรท เกททิง ทู โนว์ ยู. ยัวร์ สตอรี่ส์ อาร์ อะเมซิง!)
แปล: ดีมากเลยที่ได้รู้จักคุณ เรื่องเล่าของคุณมหัศจรรย์มาก!

บทสนทนาที่ 3: การพบปะหลังจากพูดคุยทางออนไลน์

ลินดา: Hello, Mark! So nice to finally meet you in person. We've talked so much online!
(เฮลโล, มาร์ค! โซ ไนซ์ ทู ไฟนอลลี มีท ยู อิน เพอร์เซิน. วีฟว์ ทอล์คด โซ มัช ออนไลน์!)
แปล: สวัสดีค่ะมาร์ค! ดีใจจังที่ในที่สุดก็ได้เจอตัวจริงสักที เราคุยกันในออนไลน์เยอะมากเลย! 

มาร์ค: I know! It's great to finally put a face to the name. Likewise!
(ไอ โนว์! อิทส เกรท ทู ไฟนอลลี พุท อะ เฟส ทู เดอะ เนม. ไลค์ไวส์!)
แปล: นั่นสิ! ดีมากเลยที่ในที่สุดก็ได้เห็นหน้าตามชื่อเสียที! เช่นกันครับ! 

ลินดา: I'm so pleased to meet you. You're just as funny in real life!
(ไอม โซ พลีสด์ ทู มีท ยู. ยัวร์ จัสท์ แอส ฟันนี อิน เรียล ไลฟ์!)
แปล: ฉันยินดีมากที่ได้พบคุณ คุณตลกเหมือนในชีวิตจริงเลย!


คำศัพท์ (Vocabulary)

หมวด 1: การทักทายและการทำความรู้จัก (Greetings & Introductions)

  • Meet (มีท) - พบ, เจอ

  • Great (เกรท) - ยอดเยี่ยม

  • Pleasure (พเลเชอร์) - ความยินดี

  • Glad (แกลด) - ดีใจ

  • Lovely (ลัฟลี) - น่ารัก, ยินดี

  • Delighted (ดีไลท์เทด) - ยินดีอย่างยิ่ง

  • Acquaintance (อะเคว็นทินซ) - คนรู้จัก

  • Honor (ออนเนอร์) - เกียรติ

  • Pleased (พลีสด์) - ยินดี

  • Heard (เฮิร์ด) - ได้ยิน

  • Looking forward (ลุคคิง ฟอร์เวิร์ด) - ตั้งตารอ

  • Getting to know (เกททิง ทู โนว์) - ทำความรู้จัก

  • Finally (ไฟนอลลี) - ในที่สุด

  • In person (อิน เพอร์เซิน) - ตัวต่อตัว, ตัวจริง

  • Real (เรียล) - จริง, อย่างแท้จริง

  • Likewise (ไลค์ไวส์) - เช่นกัน

  • As well (แอส เวล) - เช่นกัน

  • Feel the same (ฟีล เดอะ เซม) - รู้สึกเช่นเดียวกัน

  • Welcome (เวลคัม) - ยินดีต้อนรับ

  • Put a face to the name (พุท อะ เฟส ทู เดอะ เนม) - ได้เห็นหน้าตามชื่อ

หมวด 2: การสนทนาและคำคุณศัพท์ (Conversation & Adjectives)

  • Hello (เฮลโล) - สวัสดี

  • Hi (ไฮ) - สวัสดี

  • Name (เนม) - ชื่อ

  • Friend (เฟรนด์) - เพื่อน

  • Right? (ไรท์?) - ใช่ไหม?

  • Yes (เยส) - ใช่

  • Stories (สตอรี่ส์) - เรื่องราว

  • Amazing (อะเมซิง) - มหัศจรรย์

  • Online (ออนไลน์) - ออนไลน์

  • Funny (ฟันนี) - ตลก

  • Real life (เรียล ไลฟ์) - ชีวิตจริง

  • So much (โซ มัช) - เยอะมาก

  • Talked (ทอล์คด) - พูดคุย

  • Long time (ลอง ไทม์) - เวลานาน

  • Started (สตาร์ทเทด) - เริ่ม

  • Pleased to meet you (พลีสด์ ทู มีท ยู) - ยินดีที่ได้พบคุณ

  • You too (ยู ทู) - คุณก็เหมือนกัน

  • The pleasure is all mine (เดอะ พเลเชอร์ อิส ออล มายน์) - ฉันต่างหากที่ยินดี

  • Communication (คอมมูนิเคชัน) - การสื่อสาร

  • Social (โซเชียล) - สังคม

  • Etiquette (เอทิเคทท์) - มารยาท

  • Impress (อิมเพรส) - สร้างความประทับใจ

  • First impression (เฟิร์สท อิมเพรสชัน) - ความประทับใจแรก

  • Appropriate (อะโพรพริเอท) - เหมาะสม

  • Context (คอนเท็กซ์ท) - บริบท

  • Professional (โพรเฟชชันนอล) - มืออาชีพ

  • Casual (แคชวล) - เป็นกันเอง

  • Relationship (รีเลชันชิพ) - ความสัมพันธ์

  • Confidence (คอนฟิเดนซ์) - ความมั่นใจ

  • Skill (สกิล) - ทักษะ

  • Natural (แนทเชอรัล) - เป็นธรรมชาติ

  • Spoken (สโพคเคิน) - พูด

  • Written (ริทเทิน) - เขียน

  • Sincerely (ซินเซียร์ลี) - อย่างจริงใจ

  • Warmly (วอร์มลี) - อย่างอบอุ่น

  • Sincerely (ซินเซียร์ลี) - อย่างจริงใจ

  • Warmly (วอร์มลี) - อย่างอบอุ่น

  • Truly (ทรูลี) - อย่างแท้จริง

  • Absolutely (แอบโซลูทลี) - อย่างแน่นอน

  • Certainly (เซอร์เทนลี) - แน่นอน

  • Conversation (คอนเวอร์เซชัน) - บทสนทนา

  • Dialogue (ไดอะล็อก) - บทสนทนา

  • Interaction (อินเทอร์แอคชัน) - การปฏิสัมพันธ์

  • Connecting (คันเนคทิง) - การเชื่อมต่อ

  • Bonding (บอนดิง) - การสร้างความผูกพัน

มากกว่าแค่ "I'm ... years old": 20+ วิธีบอกอายุแบบมีสไตล์และน่าสนใจ

 บอกเล่าตัวเลขแบบไม่น่าเบื่อ สร้างบทสนทนาต่อได้ทันที!

การบอกอายุเป็นเรื่องธรรมดาในการสนทนา แต่ถ้าคุณยังคงใช้ประโยคเดิมๆ อย่าง "I am [จำนวน] years old" บทสนทนาก็อาจจะจบลงเพียงแค่นั้น ลองเปลี่ยนมาใช้ประโยคที่หลากหลายและน่าสนใจมากขึ้น เพื่อให้คุณสามารถเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับอายุและประสบการณ์ชีวิตได้อย่างมีสไตล์ บทความนี้จะรวบรวม 20+ วิธีบอกอายุ ทั้งแบบสั้นกระชับ เป็นทางการ และแบบที่เต็มไปด้วยเรื่องราว เพื่อให้คุณพร้อมในทุกสถานการณ์!



การบอกอายุอย่างชาญฉลาดเป็นอีกหนึ่งทักษะการสื่อสารที่สำคัญ เพราะนอกจากจะเป็นการให้ข้อมูลแล้ว ยังสามารถใช้เป็นจุดเริ่มต้นของบทสนทนาใหม่ๆ ได้อีกด้วย มาดูกันว่ามีวิธีไหนบ้างที่คุณสามารถนำไปใช้ได้

1. ประโยคที่ใช้บ่อยและเป็นกลาง (Common & Neutral Phrases)

ประโยคเหล่านี้เหมาะสำหรับการใช้ในชีวิตประจำวันทั่วไป ใช้งานง่ายและเป็นธรรมชาติ

  • I am [จำนวน] years old. (ไอ แอม [จำนวน] เยียร์ส โอลด์.) - ฉันอายุ [จำนวน] ปี

  • I'm [จำนวน]. (ไอม [จำนวน].) - ฉันอายุ [จำนวน] แล้ว (สั้นกระชับและใช้บ่อย)

  • My age is [จำนวน]. (มาย เอจ อิส [จำนวน].) - อายุของฉันคือ [จำนวน]

  • I'm [จำนวน] years of age. (ไอม [จำนวน] เยียร์ส ออฟ เอจ.) - ฉันอายุ [จำนวน] ปี (ค่อนข้างเป็นทางการ)

  • I am [จำนวน] years young. (ไอ แอม [จำนวน] เยียร์ส ยัง.) - ฉันอายุ [จำนวน] ปี (ใช้เชิงหยอกล้อเพื่อให้ดูว่ายังไม่แก่)

2. ประโยคที่ใช้ในเชิงธุรกิจหรือเป็นทางการ (Formal Phrases)

ในสถานการณ์ที่ต้องการความเป็นมืออาชีพ เช่น การกรอกเอกสารหรือการให้ข้อมูลส่วนตัวอย่างเป็นทางการ ประโยคเหล่านี้จะเหมาะสมที่สุด

  • I am currently [จำนวน] years old. (ไอ แอม เคอร์เรนท์ลี [จำนวน] เยียร์ส โอลด์.) - ปัจจุบันฉันอายุ [จำนวน] ปี

  • My current age is [จำนวน]. (มาย เคอร์เรนท์ เอจ อิส [จำนวน].) - อายุของฉันตอนนี้คือ [จำนวน]

  • I am approximately [จำนวน] years old. (ไอ แอม อะพรอคซิเมทลี [จำนวน] เยียร์ส โอลด์.) - ฉันอายุประมาณ [จำนวน] ปี (ใช้เมื่อไม่แน่ใจหรือไม่ต้องการบอกอายุที่แน่นอน)

  • I was born in [ปี ค.ศ.]. (ไอ วอส บอร์น อิน [ปี ค.ศ.].) - ฉันเกิดในปี [ปี ค.ศ.] (เป็นวิธีตอบที่สุภาพและไม่ตรงไปตรงมา)

  • I will be [จำนวน] in [เดือน/ปี]. (ไอ วิล บี [จำนวน] อิน [เดือน/ปี].) - ฉันจะอายุ [จำนวน] ในเดือน/ปี [เดือน/ปี]

3. ประโยคที่ไม่เป็นทางการ (Informal Phrases)

ประโยคเหล่านี้เหมาะสำหรับใช้กับเพื่อนสนิทหรือคนในครอบครัว ให้ความรู้สึกสนุกสนานและเป็นกันเอง

  • I just turned [จำนวน]. (ไอ จัสท์ เทิร์นด [จำนวน].) - ฉันเพิ่งจะอายุ [จำนวน]

  • I'll be [จำนวน] on my next birthday. (ไอล บี [จำนวน] ออน มาย เนกซ์ท เบิร์ธเดย์.) - ฉันจะอายุ [จำนวน] ในวันเกิดถัดไป

  • I'm a proud [จำนวน]-year-old! (ไอม อะ พราวด์ [จำนวน]-เยียร์-โอลด์!) - ฉันอายุ [จำนวน] ปี อย่างภาคภูมิใจ!

  • I'm [จำนวน] and feeling great! (ไอม [จำนวน] แอนด์ ฟีลลิง เกรท!) - ฉันอายุ [จำนวน] แล้ว และรู้สึกดีมาก!

  • I'm in my early/mid/late [ช่วงอายุ]. (ไอม อิน มาย เออรลี/มิด/เลท [ช่วงอายุ].) - ฉันอยู่ในช่วงอายุ [ช่วงอายุ] ต้นๆ/กลางๆ/ปลายๆ

4. ประโยคที่ใช้ในการบอกรายละเอียดเพิ่มเติม (Adding More Details)

หากคุณต้องการให้การตอบคำถามมีเรื่องราวมากขึ้น ลองใช้ประโยคเหล่านี้เพื่อเชื่อมโยงอายุเข้ากับประสบการณ์ชีวิตของคุณ

  • I'm [จำนวน], but I feel like I'm [จำนวนที่น้อยกว่า]! (ไอม [จำนวน], บัท ไอ ฟีล ไลค์ ไอม [จำนวนที่น้อยกว่า]!) - ฉันอายุ [จำนวน] แต่รู้สึกเหมือนอายุแค่ [จำนวนที่น้อยกว่า]!

  • I'm still [จำนวน]! (ไอม สติล [จำนวน]!) - ฉันยังอายุ [จำนวน] อยู่เลย!

  • I'm a little over [จำนวน]. (ไอม อะ ลิทเทิล โอเวอร์ [จำนวน].) - ฉันอายุเกิน [จำนวน] มานิดหน่อย

  • I'm almost [จำนวน]. (ไอม ออลโมสท์ [จำนวน].) - ฉันอายุเกือบ [จำนวน] แล้ว

  • I'm [จำนวน] and have been doing [กิจกรรม] for [จำนวน] years. (ไอม [จำนวน] แอนด์ แฮฟว์ บีน ดูอิง [กิจกรรม] ฟอร์ [จำนวน] เยียร์ส.) - ฉันอายุ [จำนวน] และทำ [กิจกรรม] มาเป็นเวลา [จำนวน] ปีแล้ว


คำแนะนำเพิ่มเติม (Additional Advice)

การบอกอายุตัวเองก่อนเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการสร้างบรรยากาศที่สบายๆ และเชิญชวนให้อีกฝ่ายบอกข้อมูลของตัวเองด้วยความเต็มใจ

  • I'm [จำนวน] years old. What about you? (ไอม [จำนวน] เยียร์ส โอลด์. วอท อะเบาท์ ยู?) - ฉันอายุ [จำนวน] ปี แล้วคุณล่ะ?

  • I'm in my late twenties. And you? (ไอม อิน มาย เลท ทเวนตี้ส์. แอนด์ ยู?) - ฉันอยู่ในช่วง 20 ปลายๆ แล้วคุณล่ะ?

  • I'll be turning 30 next month. How old are you? (ไอล บี เทิร์นนิง เธอตี้ เนกซ์ท มันธ. ฮาว โอลด์ อาร์ ยู?) - ฉันจะอายุ 30 เดือนหน้าแล้ว คุณอายุเท่าไหร่เหรอ?


ตัวอย่างบทสนทนา (Conversation Examples)

บทสนทนาที่ 1: การคุยกับเพื่อนใหม่

เมแกน: I've been working at this company for two years. What about you? How old are you? (ไอฟว์ บีน เวิร์คคิง แอท ดิส คัมพะนี ฟอร์ ทู เยียร์ส. วอท อะเบาท์ ยู? ฮาว โอลด์ อาร์ ยู?)
แปล: ฉันทำงานที่บริษัทนี้มาสองปีแล้ว แล้วคุณล่ะ? คุณอายุเท่าไหร่? 

จอร์แดน: I just turned 25 last month. And you? You look about 22!
(ไอ จัสท์ เทิร์นด ทเวนตี้-ไฟว์ ลาสท์ มันธ. แอนด์ ยู? ยู ลุค อะเบาท์ ทเวนตี้-ทู!)
แปล: ฉันเพิ่งจะอายุ 25 เดือนที่แล้ว แล้วคุณล่ะ? คุณดูอายุประมาณ 22! 

เมแกน: Thanks! I'm 28, but I feel like I'm 20!
(แตงก์ส! ไอม ทเวนตี้-เอท, บัท ไอ ฟีล ไลค์ ไอม ทเวนตี้!)
แปล: ขอบคุณค่ะ! ฉันอายุ 28 แล้ว แต่รู้สึกเหมือนอายุแค่ 20! 

จอร์แดน: That's a great feeling!
(แดทส อะ เกรท ฟีลลิง!)
แปล: เป็นความรู้สึกที่ดีมากเลย!

บทสนทนาที่ 2: การตอบคำถามในเชิงธุรกิจ

ผู้จัดการ: I see from your resume that you have a lot of experience. I am required to know your age for our records. When were you born?
(ไอ ซี ฟรอม ยัวร์ เรซซูเม แดท ยู แฮฟว์ อะ ลอท ออฟ อิคซ์พีเรียนซ์. ไอ แอม รีไควร์ด ทู โนว์ ยัวร์ เอจ ฟอร์ เอาเออร์ เรคคอร์ดส. เวน เวอร์ ยู บอร์น?)
แปล: ผมเห็นในเรซูเม่ของคุณว่าคุณมีประสบการณ์มากมาย ผมต้องถามอายุของคุณสำหรับบันทึกของเรา คุณเกิดเมื่อไหร่ครับ? 

ผู้สมัคร: My birth date is [วัน/เดือน/ปี] and I am currently 30 years old.
(มาย เบิร์ธ เดท อิส [วัน/เดือน/ปี] แอนด์ ไอ แอม เคอร์เรนท์ลี เธอตี้ เยียร์ส โอลด์.)
แปล: วันเกิดของฉันคือ [วัน/เดือน/ปี] และตอนนี้ฉันอายุ 30 ปีค่ะ 

ผู้จัดการ: Thank you. That's all I need. 
(แตงก์ ยู. แดทส ออล ไอ นีด.)
แปล: ขอบคุณครับ เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

บทสนทนาที่ 3: การคุยแบบไม่เป็นทางการ

ทอม: You've been playing the piano for a long time, haven't you? How long have you been doing it?
(ยูฟว์ บีน เพลย์อิง เดอะ เพียโน ฟอร์ อะ ลอง ไทม์, แฮฟวึนท์ ยู? ฮาว ลอง แฮฟว์ ยู บีน ดูอิง อิท?)
แปล: เธอกำลังเล่นเปียโนมานานแล้วใช่ไหม? ทำมานานแค่ไหนแล้ว? 

เมย์: Yeah, for about 15 years now. I'm 24 years old, and I started when I was 9.
(เย, ฟอร์ อะเบาท์ ฟิฟทีน เยียร์ส นาว. ไอม ทเวนตี้-โฟร์ เยียร์ส โอลด์, แอนด์ ไอ สตาร์ทเทด เวน ไอ วอส ไนน์.)
แปล: ใช่แล้ว ประมาณ 15 ปีแล้ว ตอนนี้ฉันอายุ 24 ปี และเริ่มเล่นตอนอายุ 9 ขวบ 

ทอม: That's amazing! You're a true talent.
(แดทส อะเมซิง! ยัวร์ อะ ทรู ทาเลนท์.)
แปล: ยอดเยี่ยมมากเลย! เธอเป็นคนที่มีพรสวรรค์จริงๆ


คำศัพท์ (Vocabulary)

หมวด 1: อายุและเวลา (Age & Time)

  • Age (เอจ) - อายุ

  • Old (โอลด์) - มีอายุ, แก่

  • Young (ยัง) - อ่อนวัย

  • Years old (เยียร์ส โอลด์) - ปี

  • Years of age (เยียร์ส ออฟ เอจ) - ปี

  • Currently (เคอร์เรนท์ลี) - ปัจจุบัน

  • Approximately (อะพรอคซิเมทลี) - ประมาณ

  • Born (บอร์น) - เกิด

  • Date of birth (เดท ออฟ เบิร์ธ) - วันเดือนปีเกิด

  • Just turned (จัสท์ เทิร์นด) - เพิ่งจะอายุ...

  • Next birthday (เนกซ์ท เบิร์ธเดย์) - วันเกิดถัดไป

  • Almost (ออลโมสท์) - เกือบจะ

  • Over (โอเวอร์) - เกิน

  • Early (เออรลี) - ต้นๆ

  • Mid (มิด) - กลางๆ

  • Late (เลท) - ปลายๆ

  • Feeling (ฟีลลิง) - ความรู้สึก

  • Great (เกรท) - ยอดเยี่ยม

  • Proud (พราวด์) - ภูมิใจ

  • Recently (รีเซนท์ลี) - เมื่อไม่นานมานี้

  • A little (อะ ลิทเทิล) - นิดหน่อย

  • Still (สติล) - ยังคง

  • Doing (ดูอิง) - กำลังทำ

  • Been doing (บีน ดูอิง) - ได้ทำมาแล้ว

  • For (ฟอร์) - เป็นเวลา...

  • How long (ฮาว ลอง) - นานแค่ไหน

  • When (เวน) - เมื่อไหร่

  • Start (สตาร์ท) - เริ่มต้น

  • Time (ไทม์) - เวลา

หมวด 2: การสนทนาและคำคุณศัพท์ (Conversation & Adjectives)

  • I am (ไอ แอม) - ฉันคือ

  • My (มาย) - ของฉัน

  • What about you? (วอท อะเบาท์ ยู?) - แล้วคุณล่ะ?

  • And you? (แอนด์ ยู?) - แล้วคุณล่ะ?

  • Thanks (แตงก์ส) - ขอบคุณ

  • Thank you (แตงก์ ยู) - ขอบคุณ

  • Look (ลุค) - ดู

  • Resume (เรซซูเม) - ประวัติส่วนตัว

  • Experience (อิคซ์พีเรียนซ์) - ประสบการณ์

  • Required (รีไควร์ด) - ต้อง, ถูกกำหนด

  • Records (เรคคอร์ดส) - ข้อมูล

  • Certainly (เซอร์เทนลี) - แน่นอน

  • Please (พลีส) - ได้โปรด

  • Need (นีด) - ต้องการ

  • All I need (ออล ไอ นีด) - ทั้งหมดที่ฉันต้องการ

  • Playing (เพลย์อิง) - กำลังเล่น

  • Piano (เพียโน) - เปียโน

  • Long time (ลอง ไทม์) - นาน

  • Haven't you? (แฮฟวึนท์ ยู?) - ไม่ใช่เหรอ?

  • Amazing (อะเมซิง) - ยอดเยี่ยม

  • Talent (ทาเลนท์) - พรสวรรค์

  • True (ทรู) - แท้จริง

  • Conversation (คอนเวอร์เซชัน) - บทสนทนา

  • Fluent (ฟลูเอนท์) - คล่องแคล่ว

  • Practice (แพรคทิส) - ฝึกฝน

  • Skill (สกิล) - ทักษะ

  • Impressive (อิมเพรสซิฟว์) - น่าประทับใจ

  • Natural (แนทเชอรัล) - เป็นธรรมชาติ

  • Polite (พะไลท์) - สุภาพ

  • Informal (อินฟอร์มอล) - ไม่เป็นทางการ

  • Formal (ฟอร์มอล) - เป็นทางการ

  • Context (คอนเท็กซ์ท) - บริบท

  • Story (สตอรี่) - เรื่องราว

  • Personal (เพอร์ซะนอล) - ส่วนตัว

  • Information (อินฟอร์เมชัน) - ข้อมูล

  • About (อะเบาท์) - เกี่ยวกับ, ประมาณ

  • Like (ไลค์) - เหมือน, เช่น

  • But (บัท) - แต่

  • And (แอนด์) - และ

  • Or (ออร์) - หรือ

  • With (วิธ) - กับ

How old are you? ไม่ใช่แค่ตัวเลข: 20+ วิธีถามอายุอย่างสุภาพและมีไหวพริบ

 ถามให้เป็น ก็ไม่เสียมารยาท!



การถามอายุใครสักคนในบางวัฒนธรรมอาจถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและไม่สุภาพ โดยเฉพาะกับคนที่ไม่สนิท แต่ในบางสถานการณ์ การถามอายุอาจจำเป็นต้องทำเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่าง บทความนี้จะนำเสนอวิธีถามอายุที่หลากหลาย ตั้งแต่ประโยคที่เป็นทางการในบริบททางธุรกิจ ไปจนถึงประโยคที่เป็นกันเองที่ใช้กับเพื่อนสนิท เพื่อให้คุณเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสม และไม่ทำให้คู่สนทนารู้สึกอึดอัด

การถามอายุเป็นเรื่องของไหวพริบและมารยาท การเลือกใช้คำพูดที่เหมาะสมจะช่วยให้การสนทนาเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นการถามเพื่อยืนยันข้อมูลในเอกสาร หรือการพูดคุยกับเพื่อนใหม่ในเชิงหยอกล้อ มาดูกันว่ามีวิธีไหนบ้างที่คุณสามารถนำไปใช้ได้

1. ประโยคที่ใช้บ่อยและสุภาพ (Common & Polite Phrases)

ประโยคเหล่านี้เหมาะสำหรับสถานการณ์ทั่วไป ที่คุณต้องการถามอายุโดยไม่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ

  • If you don't mind me asking, how old are you? (อิฟ ยู โดนท์ มายด์ มี อาสกิง, ฮาว โอลด์ อาร์ ยู?) - ถ้าไม่เป็นการรบกวน ขอถามหน่อยได้ไหมว่าคุณอายุเท่าไหร่?

  • May I ask your age? (เมย์ ไอ อาสก์ ยัวร์ เอจ?) - ขอทราบอายุของคุณได้ไหม?

  • Would you mind telling me your age? (วูด ยู มายด์ เทลลิง มี ยัวร์ เอจ?) - คุณจะรังเกียจไหมถ้าจะบอกอายุ?

  • Do you mind me asking how old you are? (ดู ยู มายด์ มี อาสกิง ฮาว โอลด์ ยู อาร์?) - คุณจะว่าอะไรไหมถ้าฉันจะถามว่าคุณอายุเท่าไหร่?

  • What's your age? (วอทส ยัวร์ เอจ?) - คุณอายุเท่าไหร่? (ใช้ในสถานการณ์ที่ไม่เป็นทางการมากนัก)

2. ประโยคที่ใช้ในเชิงธุรกิจหรือเป็นทางการ (Formal Phrases)

ในบริบททางธุรกิจ เช่น การกรอกเอกสาร การสมัครงาน หรือการยืนยันตัวตน การใช้ประโยคเหล่านี้จะช่วยให้ดูเป็นมืออาชีพ

  • I need to know your date of birth. (ไอ นีด ทู โนว์ ยัวร์ เดท ออฟ เบิร์ธ.) - ฉันจำเป็นต้องทราบวันเดือนปีเกิดของคุณ

  • What is your birth date? (วอท อิส ยัวร์ เบิร์ธ เดท?) - วันเดือนปีเกิดของคุณคืออะไร?

  • When were you born? (เวน เวอร์ ยู บอร์น?) - คุณเกิดเมื่อไหร่?

  • Could you provide your age for our records? (คูด ยู โพรวายด์ ยัวร์ เอจ ฟอร์ เอาเออร์ เรคคอร์ดส?) - คุณช่วยระบุอายุสำหรับบันทึกของเราได้ไหม?

  • I'm required to ask for your age. (ไอม รีไควร์ด ทู อาสก์ ฟอร์ ยัวร์ เอจ.) - ฉันต้องถามอายุของคุณ

3. ประโยคที่ไม่เป็นทางการ (Informal Phrases)

ประโยคเหล่านี้เหมาะสำหรับใช้กับเพื่อนสนิทหรือคนในครอบครัว โดยเน้นการพูดคุยแบบสบายๆ

  • How old are you now? (ฮาว โอลด์ อาร์ ยู นาว?) - ตอนนี้คุณอายุเท่าไหร่แล้ว?

  • What's your number? (วอทส ยัวร์ นัมเบอร์?) - อายุเท่าไหร่? (ใช้กับคนสนิทมากเท่านั้น อาจฟังดูไม่สุภาพ)

  • How many candles are on your cake? (ฮาว เมนี แคนเดิลส์ อาร์ ออน ยัวร์ เค้ก?) - มีเทียนบนเค้กของคุณกี่เล่ม? (มักใช้เชิงหยอกล้อในวันเกิด)

  • So, how old are you? (โซ, ฮาว โอลด์ อาร์ ยู?) - แล้วคุณอายุเท่าไหร่?

  • Are you over 18? (อาร์ ยู โอเวอร์ เอทีน?) - คุณอายุเกิน 18 ปีหรือยัง? (ใช้ในบริบทที่ต้องการยืนยันอายุขั้นต่ำ)

4. ประโยคที่ใช้เพื่อคาดเดาหรือถามอ้อมๆ (Subtle & Indirect Phrases)

หากคุณไม่แน่ใจว่าควรจะถามตรงๆ หรือเปล่า ลองใช้ประโยคเหล่านี้เพื่อคาดเดาหรือถามอ้อมๆ แทน

  • Are you in your twenties? (อาร์ ยู อิน ยัวร์ ทเวนตี้ส์?) - คุณอยู่ในช่วงอายุ 20 กว่าๆ หรือเปล่า?

  • You look about [จำนวน] years old. (ยู ลุค อะเบาท์ [จำนวน] เยียร์ส โอลด์.) - คุณดูอายุประมาณ [จำนวน] ปี

  • You look young for your age! (ยู ลุค ยัง ฟอร์ ยัวร์ เอจ!) - คุณดูอ่อนกว่าวัยนะ!

  • How long have you been doing [บางอย่าง]? (ฮาว ลอง แฮฟว์ ยู บีน ดูอิง [บางอย่าง]?) - คุณทำงานนี้มานานเท่าไหร่แล้ว? (เป็นการถามอ้อมๆ เพื่อคาดเดาอายุ)

  • I'm [จำนวน] years old. How about you? (ไอม [จำนวน] เยียร์ส โอลด์. ฮาว อะเบาท์ ยู?) - ฉันอายุ [จำนวน] ปี แล้วคุณล่ะ? (เป็นการบอกอายุตัวเองก่อน เพื่อให้อีกฝ่ายบอกอายุได้ง่ายขึ้น)


คำแนะนำเพิ่มเติม (Additional Advice)

การถามอายุอย่างมีไหวพริบมักจะเริ่มต้นด้วยการให้ข้อมูลของตัวเองก่อน ซึ่งจะช่วยลดความอึดอัดให้กับคู่สนทนาและทำให้พวกเขารู้สึกสบายใจที่จะเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวมากขึ้น

  • I just turned 30. How about you? (ไอ จัสท์ เทิร์นด เธอตี้. ฮาว อะเบาท์ ยู?) - ฉันเพิ่งอายุ 30 แล้วคุณล่ะ?

  • I've been working here for 10 years now. So, when did you start? (ไอฟว์ บีน เวิร์คคิง เฮียร์ ฟอร์ เทน เยียร์ส นาว. โซ, เวน ดิด ยู สตาร์ท?) - ฉันทำงานที่นี่มา 10 ปีแล้ว แล้วคุณเริ่มเมื่อไหร่? (ใช้ในการคาดเดาอายุงานหรืออายุ)

  • We seem to be around the same age. What year were you born? (วี ซีม ทู บี อะราวด์ เดอะ เซม เอจ. วอท เยียร์ เวอร์ ยู บอร์น?) - ดูเหมือนเราจะอายุไล่เลี่ยกันนะ คุณเกิดปีอะไรเหรอ?


ตัวอย่างบทสนทนา (Conversation Examples)

บทสนทนาที่ 1: การคุยกับเพื่อนใหม่ในงานเลี้ยง

ลินดา: That's a great story! I'm 28, by the way. What about you? How old are you?
(แดทส อะ เกรท สตอรี่! ไอม ทเวนตี้-เอท, บาย เดอะ เวย์. วอท อะเบาท์ ยู? ฮาว โอลด์ อาร์ ยู?)
แปล: เรื่องของคุณยอดเยี่ยมมากเลย! ฉันอายุ 28 นะว่าแต่คุณล่ะ อายุเท่าไหร่?

มาร์ค: I'm 30. You don't look it! You look young for your age.
(ไอม เธอตี้. ยู โดนท์ ลุค อิท! ยู ลุค ยัง ฟอร์ ยัวร์ เอจ.)
แปล: ผม 30 แล้วครับ คุณดูไม่เหมือนเลย! คุณดูอ่อนกว่าวัยนะ 

ลินดา: Thanks! I'll take that as a compliment. How long have you been in this industry?
(แตงก์ส! ไอล์ เทค แดท แอส อะ คอมพลิเมนท์. ฮาว ลอง แฮฟว์ ยู บีน อิน ดิส อินดัสทรี?)
แปล: ขอบคุณค่ะ! ฉันถือว่าเป็นคำชมนะ คุณอยู่ในวงการนี้มานานแค่ไหนแล้ว? 

มาร์ค: I've been working here for 5 years now. It's been a great experience.
(ไอฟว์ บีน เวิร์คคิง เฮียร์ ฟอร์ ไฟว์ เยียร์ส นาว. อิทส บีน อะ เกรท อิคซ์พีเรียนซ์.)
แปล: ผมทำงานที่นี่มา 5 ปีแล้วครับ เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมมาก

บทสนทนาที่ 2: การคุยกับพนักงานในเชิงธุรกิจ

ลูกค้า: Excuse me, I need to buy a ticket for this concert.
(อิคซคิวส์ มี, ไอ นีด ทู บาย อะ ทิคเกท ฟอร์ ดิส คอนเสิร์ท.)
แปล: ขอโทษนะครับ/ค่ะ ฉันต้องการซื้อตั๋วคอนเสิร์ตนี้

พนักงาน: Certainly, sir. Could you provide your age for our records? We have an age restriction for this event.
(เซอร์เทนลี, เซอร์. คูด ยู โพรวายด์ ยัวร์ เอจ ฟอร์ เอาเออร์ เรคคอร์ดส? วี แฮฟว์ แอน เอจ รีสทริคชัน ฟอร์ ดิส อีเวนท์.)
แปล: ได้ครับ/ค่ะคุณลูกค้า คุณช่วยระบุอายุสำหรับบันทึกของเราได้ไหมครับ/คะ? เรามีข้อจำกัดด้านอายุสำหรับงานนี้ 

ลูกค้า: I'm 22. When were you born?
(ไอม ทเวนตี้-ทู. เวน เวอร์ ยู บอร์น?)
แปล: ฉันอายุ 22 ครับ 

พนักงาน: I was born in 2000.
(ไอ วอส บอร์น อิน ทูเทาซันด์.)
แปล: ฉันเกิดปี 2000 ค่ะ

บทสนทนาที่ 3: การหยอกล้อกับเพื่อนสนิท

ซาร่า: Happy birthday, Tom! How many candles are on your cake?
(แฮปปี้ เบิร์ธเดย์, ทอม! ฮาว เมนี แคนเดิลส์ อาร์ ออน ยัวร์ เค้ก?)
แปล: สุขสันต์วันเกิดนะทอม! มีเทียนบนเค้กของนายกี่เล่ม? 

ทอม: Haha! I'm not telling. But I'll say I'm in my late twenties! Are you over 18?
(ฮาฮา! ไอม นอท เทลลิง. บัท ไอล เซย์ ไอม อิน มาย เลท ทเวนตี้ส์! อาร์ ยู โอเวอร์ เอทีน?)
แปล: ฮ่าๆ! ไม่บอกหรอกน่า แต่จะบอกว่าฉันอยู่ในช่วง 20 ปลายๆ แล้วเธออายุเกิน 18 หรือยัง? 

ซาร่า: Of course! I'm 25!
(ออฟ คอร์ส! ไอม ทเวนตี้-ไฟว์!)
แปล: แน่นอนสิ! ฉัน 25 แล้ว! 

ทอม: You still look like a teenager, though!
(ยู สติล ลุค ไลค์ อะ ทีเนเจอร์, โธ!)
แปล: แต่เธอยังดูเหมือนวัยรุ่นอยู่เลยนะ!


คำศัพท์ (Vocabulary)

หมวด 1: อายุและช่วงวัย (Age & Life Stages)

  • Age (เอจ) - อายุ

  • Old (โอลด์) - แก่, มีอายุ

  • Young (ยัง) - หนุ่ม, สาว, อ่อนวัย

  • Birthday (เบิร์ธเดย์) - วันเกิด

  • Date of birth (เดท ออฟ เบิร์ธ) - วันเดือนปีเกิด

  • Candle (แคนเดิล) - เทียน

  • Twenties (ทเวนตี้ส์) - ช่วงอายุ 20 กว่าๆ

  • Thirties (เธอตี้ส์) - ช่วงอายุ 30 กว่าๆ

  • Late twenties (เลท ทเวนตี้ส์) - ช่วงอายุ 20 ปลายๆ

  • Teenager (ทีเนเจอร์) - วัยรุ่น

  • Adult (อะดัลท์) - ผู้ใหญ่

  • Years old (เยียร์ส โอลด์) - ปี

  • Born (บอร์น) - เกิด

หมวด 2: การสนทนาและมารยาท (Conversation & Etiquette)

  • Mind (มายด์) - รังเกียจ, ว่า

  • Ask (อาสก์) - ถาม

  • Tell (เทล) - บอก

  • Provide (โพรวายด์) - จัดหา, ให้

  • Know (โนว์) - รู้

  • Required (รีไควร์ด) - ถูกกำหนดให้, ต้อง

  • Excuse me (อิคซคิวส์ มี) - ขอโทษ

  • Certainly (เซอร์เทนลี) - แน่นอน

  • Polite (พะไลท์) - สุภาพ

  • Impolite (อิมพะไลท์) - ไม่สุภาพ

  • Uncomfortable (อันคอมเฟอร์เทเบิล) - อึดอัด

  • Records (เรคคอร์ดส) - บันทึก, ข้อมูล

  • Compliment (คอมพลิเมนท์) - คำชม

  • Guess (เกส) - คาดเดา

  • Indirectly (อินไดเร็คทลี) - อย่างอ้อมๆ

  • Straightforward (สเตรทฟอร์เวิร์ด) - ตรงไปตรงมา

  • Experience (อิคซ์พีเรียนซ์) - ประสบการณ์

  • Industry (อินดัสทรี) - อุตสาหกรรม

  • Job (จอบ) - งาน

  • Start (สตาร์ท) - เริ่มต้น

  • Career (แคเรียร์) - อาชีพ

  • Life (ไลฟ์) - ชีวิต

หมวด 3: คำทั่วไปอื่นๆ (Other General Words)

  • How old (ฮาว โอลด์) - อายุเท่าไหร่

  • Now (นาว) - ตอนนี้

  • Over (โอเวอร์) - เกิน

  • About (อะเบาท์) - ประมาณ

  • Look (ลุค) - ดู

  • For (ฟอร์) - สำหรับ

  • With (วิธ) - กับ

  • Me (มี) - ฉัน

  • You (ยู) - คุณ

  • Your (ยัวร์) - ของคุณ

  • His (ฮิส) - ของเขา (ผู้ชาย)

  • Her (เฮอร์) - ของเธอ (ผู้หญิง)

  • Their (แดร์) - ของพวกเขา

  • My (มาย) - ของฉัน

  • What (วอท) - อะไร

  • When (เวน) - เมื่อไหร่

  • Where (แวร์) - ที่ไหน

  • Who (ฮู) - ใคร

  • Why (วาย) - ทำไม

  • How (ฮาว) - อย่างไร

  • To (ทู) - ไปยัง

  • From (ฟรอม) - จาก

  • In (อิน) - ใน

  • On (ออน) - บน

  • At (แอท) - ที่

  • With (วิธ) - กับ

  • But (บัท) - แต่

  • And (แอนด์) - และ

  • Or (ออร์) - หรือ

  • So (โซ) - ดังนั้น

  • That (แดท) - นั่น, ที่

  • This (ดิส) - นี่

  • These (ดีส) - เหล่านี้

  • Those (โดส) - เหล่านั้น

  • A/An (อะ/แอน) - หนึ่ง

  • The (เดอะ) - คำนำหน้าคำนาม

  • Can (แคน) - สามารถ

  • Could (คูด) - สามารถ (อดีต, สุภาพ)

  • Would (วูด) - จะ... (คำสุภาพ)

  • Should (ชูด) - ควรจะ

  • Will (วิล) - จะ

  • Is/Are/Am (อิส/อาร์/แอม) - เป็น, อยู่, คือ

  • Do/Does/Did (ดู/ดัส/ดิด) - ทำ

  • Have/Has/Had (แฮฟว์/แฮส/แฮด) - มี

บอกเล่าเรื่องราวที่มาของคุณ: 20+ วิธีตอบ "คุณมาจากที่ไหน?" "I'm from..."

 เปลี่ยนจาก "ฉันมาจาก..." "I'm from..."  ให้เป็นเรื่องเล่าที่น่าสนใจ



เมื่อมีใครสักคนถามว่า "คุณมาจากที่ไหน?" คำตอบที่หลายคนนึกถึงคงหนีไม่พ้น "I'm from..." แต่รู้ไหมว่าการตอบด้วยประโยคเดิม ๆ อาจทำให้บทสนทนาสิ้นสุดลงอย่างรวดเร็ว ลองเปลี่ยนมาใช้ประโยคที่หลากหลายและน่าสนใจมากขึ้น เพื่อให้คุณสามารถเล่าเรื่องราวชีวิตของคุณได้อย่างเป็นธรรมชาติ บทความนี้จะรวบรวม 20+ วิธีบอกเล่าที่มาของคุณ ทั้งแบบสั้นๆ กระชับ ไปจนถึงแบบที่บอกรายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อให้คุณพร้อมในทุกสถานการณ์

การตอบคำถามเกี่ยวกับที่มาของคุณอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่แค่การให้ข้อมูลเท่านั้น แต่ยังเป็นการเปิดโอกาสให้เกิดการสนทนาต่อยอด และสร้างความสัมพันธ์กับคู่สนทนาของคุณได้ดียิ่งขึ้น มาดูกันว่ามีวิธีไหนบ้างที่คุณสามารถนำไปปรับใช้ได้

1. ประโยคที่ใช้บ่อยและเป็นกลาง (Common & Neutral Phrases)

ประโยคเหล่านี้ใช้ได้กับทุกคนและทุกสถานการณ์ ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติและตรงไปตรงมา

  • I'm from [ชื่อเมือง/ประเทศ]. (ไอม ฟรอม [ชื่อเมือง/ประเทศ]) - ฉันมาจาก [ชื่อเมือง/ประเทศ]

  • I come from [ชื่อเมือง/ประเทศ]. (ไอ คัม ฟรอม [ชื่อเมือง/ประเทศ]) - ฉันมาจาก [ชื่อเมือง/ประเทศ]

  • I'm originally from [ชื่อเมือง/ประเทศ]. (ไอม ออริจินัลลี ฟรอม [ชื่อเมือง/ประเทศ]) - แต่เดิมแล้วฉันมาจาก [ชื่อเมือง/ประเทศ]

  • I was born in [ชื่อเมือง/ประเทศ]. (ไอ วอส บอร์น อิน [ชื่อเมือง/ประเทศ]) - ฉันเกิดที่ [ชื่อเมือง/ประเทศ]

  • My hometown is [ชื่อเมือง/ประเทศ]. (มาย โฮมทาวน์ อิส [ชื่อเมือง/ประเทศ]) - บ้านเกิดของฉันคือ [ชื่อเมือง/ประเทศ]

2. ประโยคที่ใช้ในเชิงธุรกิจหรือเป็นทางการ (Formal Phrases)

ในสถานการณ์ที่ต้องการความเป็นมืออาชีพ เช่น การประชุมทางธุรกิจ การใช้ประโยคเหล่านี้จะแสดงถึงความสุภาพและน่าเชื่อถือ

  • I am a native of [ชื่อเมือง/ประเทศ]. (ไอ แอม อะ เนทิฟ ออฟ [ชื่อเมือง/ประเทศ]) - ฉันเป็นคนพื้นเพของ [ชื่อเมือง/ประเทศ]

  • My country of origin is [ชื่อประเทศ]. (มาย คันทรี ออฟ ออริจิน อิส [ชื่อประเทศ]) - ประเทศถิ่นกำเนิดของฉันคือ [ชื่อประเทศ]

  • I originate from [ชื่อเมือง/ประเทศ]. (ไอ ออริจิเนท ฟรอม [ชื่อเมือง/ประเทศ]) - ฉันมีถิ่นกำเนิดจาก [ชื่อเมือง/ประเทศ]

  • I'm a resident of [ชื่อเมือง/ประเทศ]. (ไอม อะ เรสซิเดนท์ ออฟ [ชื่อเมือง/ประเทศ]) - ฉันเป็นผู้อาศัยอยู่ที่ [ชื่อเมือง/ประเทศ]

  • I currently reside in [ชื่อเมือง/ประเทศ], but I'm from [ชื่อเมือง/ประเทศ]. (ไอ เคอร์เรนท์ลี รีไซด์ อิน [ชื่อเมือง/ประเทศ], บัท ไอม ฟรอม [ชื่อเมือง/ประเทศ]) - ตอนนี้ฉันอาศัยอยู่ที่ [ชื่อเมือง/ประเทศ] แต่ฉันมาจาก [ชื่อเมือง/ประเทศ]

3. ประโยคที่ไม่เป็นทางการ (Informal Phrases)

ประโยคเหล่านี้เหมาะกับการใช้กับเพื่อนสนิทหรือคนวัยเดียวกัน ทำให้การสนทนาดูผ่อนคลายและเป็นกันเอง

  • I grew up in [ชื่อเมือง/ประเทศ]. (ไอ โกรว์ อัพ อิน [ชื่อเมือง/ประเทศ]) - ฉันเติบโตที่ [ชื่อเมือง/ประเทศ]

  • I hail from [ชื่อเมือง/ประเทศ]. (ไอ เฮล ฟรอม [ชื่อเมือง/ประเทศ]) - ฉันมาจาก [ชื่อเมือง/ประเทศ] (ฟังดูดีและมีสไตล์)

  • [ชื่อเมือง/ประเทศ] is where I'm from. ([ชื่อเมือง/ประเทศ] อิส แวร์ ไอม ฟรอม) - [ชื่อเมือง/ประเทศ] คือที่ที่ฉันมา

  • I'm a [ชื่อสัญชาติ/ชื่อเมือง] native. (ไอม อะ [ชื่อสัญชาติ/ชื่อเมือง] เนทิฟ) - ฉันเป็นคน [ชื่อสัญชาติ/ชื่อเมือง] โดยกำเนิด

  • I'm a local from [ชื่อเมือง/ประเทศ]. (ไอม อะ โลคอล ฟรอม [ชื่อเมือง/ประเทศ]) - ฉันเป็นคนท้องถิ่นของ [ชื่อเมือง/ประเทศ]

4. ประโยคที่ใช้ในการบอกรายละเอียดเพิ่มเติม (Adding More Details)

หากคุณต้องการให้บทสนทนาสนุกและมีเรื่องราวมากขึ้น ลองใช้ประโยคเหล่านี้เพื่อเล่ารายละเอียดการเดินทางในชีวิตของคุณ

  • I was born and raised in [ชื่อเมือง/ประเทศ]. (ไอ วอส บอร์น แอนด์ เรสด์ อิน [ชื่อเมือง/ประเทศ]) - ฉันเกิดและเติบโตที่ [ชื่อเมือง/ประเทศ]

  • I recently moved from [ชื่อเมือง/ประเทศ]. (ไอ รีเซนท์ลี มูฟว์ด ฟรอม [ชื่อเมือง/ประเทศ]) - ฉันเพิ่งย้ายมาจาก [ชื่อเมือง/ประเทศ]

  • I've been living in [ชื่อเมือง/ประเทศ] for [จำนวนปี] years, but I'm from [ชื่อเมือง/ประเทศ]. (ไอฟว์ บีน ลิฟวิง อิน [ชื่อเมือง/ประเทศ] ฟอร์ [จำนวนปี] เยียร์ส, บัท ไอม ฟรอม [ชื่อเมือง/ประเทศ]) - ฉันอาศัยอยู่ที่ [ชื่อเมือง/ประเทศ] มา [จำนวนปี] ปีแล้ว แต่ฉันมาจาก [ชื่อเมือง/ประเทศ]

  • I'm based in [ชื่อเมือง/ประเทศ]. (ไอม เบสท์ อิน [ชื่อเมือง/ประเทศ]) - ฉันทำงาน/อาศัยอยู่ที่ [ชื่อเมือง/ประเทศ]

  • I'm from [ชื่อเมือง/ประเทศ] originally, but I've lived all over the place. (ไอม ฟรอม [ชื่อเมือง/ประเทศ] ออริจินัลลี, บัท ไอฟว์ ลิฟว์ด ออล โอเวอร์ เดอะ เพลส) - แต่เดิมฉันมาจาก [ชื่อเมือง/ประเทศ] แต่ฉันก็เคยอาศัยอยู่หลายที่แล้ว


คำแนะนำเพิ่มเติม (Additional Advice)

การตอบคำถามเกี่ยวกับที่มาไม่จำเป็นต้องจบลงที่คำตอบเพียงอย่างเดียว ลองใช้คำถามปลายเปิดเพื่อชวนให้อีกฝ่ายเล่าเรื่องราวของเขาบ้าง จะทำให้บทสนทนามีความน่าสนใจยิ่งขึ้น

  • What about you? Where are you from? (วอท อะเบาท์ ยู? แวร์ อาร์ ยู ฟรอม?) - แล้วคุณล่ะ? คุณมาจากที่ไหน?

  • How about you? Where's your hometown? (ฮาว อะเบาท์ ยู? แวร์ส ยัวร์ โฮมทาวน์?) - แล้วคุณล่ะ? บ้านเกิดของคุณอยู่ที่ไหน?

  • And where are you based? (แอนด์ แวร์ อาร์ ยู เบสท์?) - แล้วคุณอาศัยอยู่ที่ไหน?


ตัวอย่างบทสนทนา (Conversation Examples)

บทสนทนาที่ 1: การแนะนำตัวกับเพื่อนใหม่ในงานเลี้ยง

แอนนา: Hi, I'm Anna. Your accent is interesting. May I ask where you're from?
(ไฮ, ไอม แอนนา. ยัวร์ แอคเซนท์ อิส อินเทอเรสติง. เมย์ ไอ อาสก์ แวร์ ยัวร์ ฟรอม?)
แปล: สวัสดีค่ะ ฉันชื่อแอนนา สำเนียงของคุณน่าสนใจจัง ขอถามได้ไหมคะว่าคุณมาจากที่ไหน? 

เดวิด: Thanks! I'm David. I'm from Scotland, but I currently live in London. What about you?
(แตงก์ส! ไอม เดวิด. ไอม ฟรอม สกอตแลนด์, บัท ไอ เคอร์เรนท์ลี ลิฟว์ อิน ลอนดอน. วอท อะเบาท์ ยู?) แปล: ขอบคุณครับ! ผมชื่อเดวิด ผมมาจากสกอตแลนด์ครับ แต่ตอนนี้อาศัยอยู่ที่ลอนดอน แล้วคุณล่ะ? 

แอนนา: I'm a native of Bangkok, but I recently moved here for a new job.
(ไอม อะ เนทิฟ ออฟ แบงคอก, บัท ไอ รีเซนท์ลี มูฟว์ด เฮียร์ ฟอร์ อะ นิว จอบ.)
แปล: ฉันเป็นคนกรุงเทพฯ ค่ะ แต่เพิ่งย้ายมาที่นี่เพราะได้งานใหม่ 

เดวิด: That's great! Welcome to the city. What do you do?
(แดทส เกรท! เวลคัม ทู เดอะ ซิตี้. วอท ดู ยู ดู?)
แปล: ยอดเยี่ยมเลยครับ! ยินดีต้อนรับสู่เมืองนี้ คุณทำงานอะไร?

แอนนา: I'm a marketing specialist. And you?
(ไอม อะ มาร์เกทิง สเปเชียลิสท์. แอนด์ ยู?)
แปล: ฉันเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดค่ะ แล้วคุณล่ะ? 

เดวิด: I'm an architect.
(ไอม แอน อาร์คิเทคท์.)
แปล: ผมเป็นสถาปนิกครับ

บทสนทนาที่ 2: การคุยกับลูกค้าในเชิงธุรกิจ

ลูกค้า: Good morning. I'm here for a meeting with Ms. Smith.
(กูด มอร์นิง. ไอม เฮียร์ ฟอร์ อะ มีททิง วิธ มิส สมิธ.)
แปล: สวัสดีครับ ผมมาประชุมกับคุณสมิธ 

พนักงานต้อนรับ: Good morning, sir. May I ask for your name and country of origin for our records?
(กูด มอร์นิง, เซอร์. เมย์ ไอ อาสก์ ฟอร์ ยัวร์ เนม แอนด์ คันทรี ออฟ ออริจิน ฟอร์ เอาเออร์ เรคคอร์ดส?)
แปล: สวัสดีค่ะคุณลูกค้า ขอทราบชื่อและประเทศถิ่นกำเนิดของคุณสำหรับบันทึกของเราได้ไหมคะ?

ลูกค้า: Certainly. My name is Kenji Tanaka, and my country of origin is Japan.
(เซอร์เทนลี. มาย เนม อิส เคนจิ ทานากะ, แอนด์ มาย คันทรี ออฟ ออริจิน อิส เจแปน.)
แปล: ได้ครับ ชื่อของผมคือเคนจิ ทานากะ และประเทศถิ่นกำเนิดของผมคือญี่ปุ่นครับ 

พนักงานต้อนรับ: Thank you, Mr. Tanaka. Please have a seat. She will be with you shortly.
(แตงก์ ยู, มิสเตอร์ ทานากะ. พลีส แฮฟว์ อะ ซีท. ชี วิล บี วิธ ยู ชอร์ทลี.)
แปล: ขอบคุณค่ะ คุณทานากะ เชิญนั่งรอสักครู่นะคะ เดี๋ยวเธอจะมาหาคุณ 

ลูกค้า: Thank you.
(แตงก์ ยู.)
แปล: ขอบคุณครับ

บทสนทนาที่ 3: การคุยแบบไม่เป็นทางการ

ทอม: Hey Lisa, you have a really cool accent. I hail from California, and I've lived here for two years. What about you?
(เฮย์ ลีซ่า, ยู แฮฟว์ อะ รีอัลลี คูล แอคเซนท์. ไอ เฮล ฟรอม แคลิฟอร์เนีย, แอนด์ ไอฟว์ ลิฟว์ด เฮียร์ ฟอร์ ทู เยียร์ส. วอท อะเบาท์ ยู?)
แปล: เฮ้ ลีซ่า, สำเนียงเธอเจ๋งมากเลย ฉันมาจากแคลิฟอร์เนีย และอยู่ที่นี่มาสองปีแล้ว แล้วเธอละ? 

ลีซ่า: Thanks! I'm from Paris, France. I was born and raised there.
(แตงก์ส! ไอม ฟรอม แพริส, ฟรานซ์. ไอ วอส บอร์น แอนด์ เรสด์ แดร์.)
แปล: ขอบใจนะ! ฉันมาจากปารีส ฝรั่งเศส ฉันเกิดและโตที่นั่น 

ทอม: That's awesome! I've always wanted to visit. Did you move here for school?
(แดทส ออซัม! ไอฟว์ ออลเวย์ส วอนท์เทด ทู วิสิท. ดิด ยู มูฟว์ เฮียร์ ฟอร์ สคูล?)
แปล: เจ๋งเลย! ฉันอยากไปเที่ยวที่นั่นมาตลอดเลย เธอมาที่นี่เพื่อเรียนหนังสือเหรอ? 

ลีซ่า: Yeah, I did. I'm based here for my university program. What's your hometown?
(เย, ไอ ดิด. ไอม เบสท์ เฮียร์ ฟอร์ มาย ยูนิเวอร์ซิตี้ โปรแกรม. วอทส ยัวร์ โฮมทาวน์?) 
แปล: ใช่แล้ว ฉันอยู่ที่นี่เพื่อโปรแกรมมหาวิทยาลัยของฉัน บ้านเกิดนายที่ไหนเหรอ? 

ทอม: My hometown is Los Angeles. It's a great city.
(มาย โฮมทาวน์ อิส ลอส แองเจลิส. อิทส อะ เกรท ซิตี้.)
แปล: บ้านเกิดฉันคือลอสแอนเจลิส เป็นเมืองที่ยอดเยี่ยมมาก


คำศัพท์ (Vocabulary)

หมวด 1: ที่มาและถิ่นที่อยู่ (Origin & Location)

  • From (ฟรอม) - จาก

  • Come from (คัม ฟรอม) - มาจาก

  • Originally (ออริจินัลลี) - ดั้งเดิม

  • Born (บอร์น) - เกิด

  • Hometown (โฮมทาวน์) - บ้านเกิด

  • Native (เนทิฟ) - คนพื้นเพ, คนท้องถิ่น

  • Country of origin (คันทรี ออฟ ออริจิน) - ประเทศถิ่นกำเนิด

  • Originate (ออริจิเนท) - มีถิ่นกำเนิด

  • Resident (เรสซิเดนท์) - ผู้อาศัย

  • Reside (รีไซด์) - อาศัยอยู่

  • Currently (เคอร์เรนท์ลี) - ในปัจจุบัน

  • Grow up (โกรว์ อัพ) - เติบโต

  • Hale from (เฮล ฟรอม) - มาจาก

  • Local (โลคอล) - คนท้องถิ่น

  • Born and raised (บอร์น แอนด์ เรสด์) - เกิดและเติบโต

  • Recently (รีเซนท์ลี) - เมื่อไม่นานมานี้

  • Move (มูฟว์) - ย้าย

  • Live (ลิฟว์) - อาศัยอยู่

  • Based (เบสท์) - ทำงาน/อาศัยอยู่

  • All over the place (ออล โอเวอร์ เดอะ เพลส) - ทุกที่, หลายที่

  • City (ซิตี้) - เมือง

  • Town (ทาวน์) - เมืองเล็กๆ

  • State (สเตท) - รัฐ

  • Country (คันทรี) - ประเทศ

  • Abroad (อะบรอด) - ต่างประเทศ

  • Here (เฮียร์) - ที่นี่

หมวด 2: การสนทนาและคำคุณศัพท์ (Conversation & Adjectives)

  • Accent (แอคเซนท์) - สำเนียง

  • Interesting (อินเทอเรสติง) - น่าสนใจ

  • Thank you (แตงก์ ยู) - ขอบคุณ

  • Welcome (เวลคัม) - ยินดีต้อนรับ

  • Great (เกรท) - ยอดเยี่ยม

  • New (นิว) - ใหม่

  • Job (จอบ) - งาน

  • Specialist (สเปเชียลิสท์) - ผู้เชี่ยวชาญ

  • Architect (อาร์คิเทคท์) - สถาปนิก

  • Morning (มอร์นิง) - ตอนเช้า

  • Sir (เซอร์) - คุณผู้ชาย (คำสุภาพ)

  • Records (เรคคอร์ดส) - บันทึก

  • Certainly (เซอร์เทนลี) - แน่นอน

  • Please (พลีส) - ได้โปรด

  • Seat (ซีท) - ที่นั่ง

  • Shortly (ชอร์ทลี) - ในไม่ช้า

  • Cool (คูล) - เจ๋ง

  • Awesome (ออซัม) - ยอดเยี่ยม

  • Want (วอนท์) - ต้องการ

  • Visit (วิสิท) - เยี่ยมชม

  • School (สคูล) - โรงเรียน

  • University (ยูนิเวอร์ซิตี้) - มหาวิทยาลัย

  • Program (โปรแกรม) - หลักสูตร, โปรแกรม

  • Conversation (คอนเวอร์เซชัน) - บทสนทนา

  • Fluent (ฟลูเอนท์) - คล่องแคล่ว

  • Practice (แพรคทิส) - ฝึกฝน

  • Helpful (เฮลพ์ฟูล) - มีประโยชน์

  • Communication (คอมมูนิเคชัน) - การสื่อสาร

  • Relationship (รีเลชันชิพ) - ความสัมพันธ์

  • Impressive (อิมเพรสซิฟว์) - น่าประทับใจ

  • Natural (แนทเชอรัล) - เป็นธรรมชาติ

  • Polite (พะไลท์) - สุภาพ

  • Informal (อินฟอร์มอล) - ไม่เป็นทางการ

  • Formal (ฟอร์มอล) - เป็นทางการ

  • Context (คอนเท็กซ์ท) - บริบท

  • Story (สตอรี่) - เรื่องราว

  • Answer (อันเซอร์) - คำตอบ

  • Question (เควสเชิน) - คำถาม

  • Experience (อิคซ์พีเรียนซ์) - ประสบการณ์

  • Life (ไลฟ์) - ชีวิต

  • Travel (ทราเวล) - การเดินทาง

  • Adventure (แอดเวนเชอร์) - การผจญภัย

  • Explore (อิคซพลอร์) - สำรวจ

วันเสาร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2568

อยากรู้ว่าคุณมาจากที่ไหน? "Where are you from?" ถามได้ไม่ซ้ำใคร

 

ถามให้เป็นธรรมชาติ สร้างบทสนทนาที่น่าประทับใจ

เมื่อได้พบปะผู้คนใหม่ๆ สิ่งหนึ่งที่หลายคนมักจะถามคือ "คุณมาจากที่ไหน?" แต่ถ้าคุณยังคงใช้ประโยคเดิมๆ อย่าง "Where are you from?" การสนทนาอาจจะดูเรียบง่ายเกินไป ลองเปลี่ยนมาใช้ประโยคที่หลากหลายและเหมาะสมกับสถานการณ์มากขึ้น เพื่อสร้างความประทับใจและทำให้การพูดคุยไหลลื่นยิ่งขึ้น บทความนี้จะรวบรวม 20+ วิธีการถามถึงที่มา รวมถึงคำแนะนำเพิ่มเติมที่จะช่วยให้คุณเป็นนักสนทนาที่เก่งขึ้นในพริบตา!



การถามถึงที่มาของใครบางคน ไม่ใช่แค่การถามเพื่ออยากรู้ข้อมูลเท่านั้น แต่ยังเป็นวิธีการแสดงความสนใจในตัวคู่สนทนาและเป็นการเปิดประเด็นใหม่ๆ เพื่อสานต่อบทสนทนาให้สนุกยิ่งขึ้น การเลือกใช้ประโยคที่เหมาะสมกับแต่ละสถานการณ์จึงเป็นสิ่งสำคัญ

1. ประโยคที่ใช้บ่อยและเป็นกลาง (Common & Neutral Phrases)

ประโยคเหล่านี้ใช้ได้ทั่วไป ไม่ว่าจะคุยกับเพื่อนใหม่ในงานเลี้ยงหรือกับเพื่อนร่วมงาน

  • Where do you come from? (แวร์ ดู ยู คัม ฟรอม?) - คุณมาจากที่ไหน?

  • Where are you originally from? (แวร์ อาร์ ยู ออริจินัลลี ฟรอม?) - คุณเป็นคนดั้งเดิมจากที่ไหน?

  • And where are you from? (แอนด์ แวร์ อาร์ ยู ฟรอม?) - แล้วคุณมาจากที่ไหน?

  • May I ask where you are from? (เมย์ ไอ อาสก์ แวร์ ยู อาร์ ฟรอม?) - ขออนุญาตถามหน่อยได้ไหมว่าคุณมาจากที่ไหน?

  • Whereabouts are you from? (แวร์อะเบาท์ส อาร์ ยู ฟรอม?) - คุณมาจากแถวไหน?

2. ประโยคที่ใช้ในเชิงธุรกิจหรือเป็นทางการ (Formal Phrases)

ในสถานการณ์ที่ต้องการความเป็นมืออาชีพ เช่น การติดต่อทางธุรกิจ การใช้ประโยคเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและแสดงความเคารพ

  • May I ask your place of origin? (เมย์ ไอ อาสก์ ยัวร์ เพลส ออฟ ออริจิน?) - ขอทราบถิ่นกำเนิดของคุณได้ไหม?

  • What is your country of origin? (วอท อิส ยัวร์ คันทรี ออฟ ออริจิน?) - คุณมีถิ่นกำเนิดจากประเทศอะไร?

  • Which part of the world are you from? (วิช พาร์ท ออฟ เดอะ เวิลด์ อาร์ ยู ฟรอม?) - คุณมาจากส่วนไหนของโลก?

  • Where are you a native of? (แวร์ อาร์ ยู อะ เนทิฟ ออฟ?) - คุณเป็นคนท้องถิ่นของที่ไหน?

3. ประโยคที่ไม่เป็นทางการ (Informal Phrases)

ประโยคเหล่านี้เหมาะกับการใช้กับเพื่อนสนิทหรือคนที่รู้จักกันอยู่แล้ว ให้ความรู้สึกผ่อนคลายและเป็นกันเอง

  • Where are you based? (แวร์ อาร์ ยู เบสท์?) - คุณอาศัยอยู่ที่ไหน?

  • Where did you grow up? (แวร์ ดิด ยู โกรว์ อัพ?) - คุณเติบโตที่ไหน?

  • What's your hometown? (วอทส ยัวร์ โฮมทาวน์?) - บ้านเกิดของคุณคือที่ไหน?

  • You're not from around here, are you? (ยัวร์ นอท ฟรอม อะราวด์ เฮียร์, อาร์ ยู?) - คุณไม่ใช่คนแถวนี้ใช่ไหม?

  • So, where are you from? (โซ, แวร์ อาร์ ยู ฟรอม?) - แล้วคุณมาจากที่ไหน?

  • What part of the country are you from? (วอท พาร์ท ออฟ เดอะ คันทรี อาร์ ยู ฟรอม?) - คุณมาจากส่วนไหนของประเทศ?

4. ประโยคที่ใช้ในสถานการณ์เฉพาะ (Situational Phrases)

บางครั้งเราอาจต้องการถามแบบเจาะจงมากขึ้น โดยอาศัยสิ่งที่สังเกตเห็น เช่น สำเนียง หรือเรื่องราวการย้ายที่อยู่

  • Is that a local accent? (อิส แดท อะ โลคอล แอคเซนท์?) - สำเนียงนั้นเป็นสำเนียงท้องถิ่นหรือเปล่า?

  • Did you move here from another country? (ดิด ยู มูฟว์ เฮียร์ ฟรอม อะนอเธอร์ คันทรี?) - คุณย้ายมาที่นี่จากประเทศอื่นหรือเปล่า?

  • Where did you live before moving here? (แวร์ ดิด ยู ลิฟว์ บีฟอร์ มูฟวิง เฮียร์?) - คุณเคยอาศัยอยู่ที่ไหนก่อนที่จะย้ายมาที่นี่?

  • What part of the world did you come from? (วอท พาร์ท ออฟ เดอะ เวิลด์ ดิด ยู คัม ฟรอม?) - คุณมาจากส่วนไหนของโลก?

  • Where's home for you? (แวร์ส โฮม ฟอร์ ยู?) - บ้านของคุณอยู่ที่ไหน?


คำแนะนำเพิ่มเติม (Additional Advice)

การสนทนาที่ดีคือการแลกเปลี่ยนข้อมูล ไม่ใช่แค่การถาม-ตอบ การบอกว่าตัวเราเองมาจากที่ไหนก่อน จะช่วยให้คู่สนทนารู้สึกผ่อนคลายและกล้าที่จะเปิดเผยข้อมูลของตัวเองมากขึ้น

  • I'm from... How about you? (ไอม ฟรอม... ฮาว อะเบาท์ ยู?) - ฉันมาจาก... แล้วคุณล่ะ?

  • I live in... Where do you live? (ไอ ลิฟว์ อิน... แวร์ ดู ยู ลิฟว์?) - ฉันอาศัยอยู่ที่... คุณอาศัยอยู่ที่ไหน?

  • I've lived here for five years, but I grew up in... What about you? (ไอฟว์ ลิฟว์ เฮียร์ ฟอร์ ไฟว์ เยียร์ส, บัท ไอ โกรว์ อัพ อิน... วอท อะเบาท์ ยู?) - ฉันอยู่ที่นี่มา 5 ปีแล้ว แต่ฉันโตที่... แล้วคุณล่ะ?


ตัวอย่างบทสนทนา (Conversation Examples)

บทสนทนาที่ 1: การคุยกับเพื่อนใหม่ในงานเลี้ยง

เจสสิก้า: Hi, I'm Jessica. Your accent is beautiful. May I ask where you are from?
(ไฮ, ไอม เจสสิก้า. ยัวร์ แอคเซนท์ อิส บิวทิฟูล. เมย์ ไอ อาสก์ แวร์ ยู อาร์ ฟรอม?)
แปล: สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเจสสิก้า สำเนียงของคุณเพราะจังเลย ขออนุญาตถามหน่อยได้ไหมคะว่าคุณมาจากที่ไหน? 

เควิน: Oh, thank you. I'm Kevin. I'm originally from Dublin, Ireland.
(โอ, แตงก์ ยู. ไอม เควิน. ไอม ออริจินัลลี ฟรอม ดับลิน, ไอร์แลนด์.)
แปล: โอ้ ขอบคุณครับ ผมชื่อเควิน ผมเป็นคนดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ครับ 

เจสสิก้า: That's interesting! I've always wanted to visit. And what part of the country are you from?
(แดทส อินเทอเรสติง! ไอฟว์ ออลเวย์ส วอนเทด ทู วิสิท. แอนด์ วอท พาร์ท ออฟ เดอะ คันทรี อาร์ ยู ฟรอม?)
แปล: น่าสนใจจังเลยค่ะ ฉันอยากไปเที่ยวมาตลอดเลย แล้วคุณมาจากส่วนไหนของประเทศไอร์แลนด์เหรอคะ? 

เควิน: I'm from the capital city, Dublin. What about you? Where are you from?
(ไอม ฟรอม เดอะ แคปิทอล ซิตี้, ดับลิน. วอท อะเบาท์ ยู? แวร์ อาร์ ยู ฟรอม?)
แปล: ผมมาจากเมืองหลวงครับ ดับลิน. แล้วคุณล่ะ? คุณมาจากที่ไหน? 

เจสสิก้า: I'm from Texas, but I've lived in New York for the past five years.
(ไอม ฟรอม เท็กซัส, บัท ไอฟว์ ลิฟว์ด อิน นิว ยอร์ค ฟอร์ เดอะ พาสท์ ไฟว์ เยียร์ส.)
แปล: ฉันมาจากเท็กซัสค่ะ แต่ฉันย้ายมาอยู่ที่นิวยอร์กได้ 5 ปีแล้ว 

เควิน: That's cool. I love New York.
(แดทส คูล. ไอ ลัฟว์ นิว ยอร์ค.)
แปล: เจ๋งเลย ผมชอบนิวยอร์ก

บทสนทนาที่ 2: การคุยกับลูกค้าในเชิงธุรกิจ

ผู้จัดการ: Welcome, Mr. Davis. I'm pleased to meet you. May I ask your place of origin?
(เวลคัม, มิสเตอร์ เดวิส. ไอม พลีสด์ ทู มีท ยู. เมย์ ไอ อาสก์ ยัวร์ เพลส ออฟ ออริจิน?)
แปล: ยินดีต้อนรับครับ คุณเดวิส ผมยินดีที่ได้พบคุณ ขอทราบถิ่นกำเนิดของคุณได้ไหมครับ? 

ลูกค้า: Thank you. I'm from Singapore. What about you?
(แตงก์ ยู. ไอม ฟรอม สิงคโปร์. วอท อะเบาท์ ยู?)
แปล: ขอบคุณครับ ผมมาจากสิงคโปร์ แล้วคุณล่ะครับ? 

ผู้จัดการ: I am a native of London, but I've been based here in Tokyo for 10 years.
(ไอ แอม อะ เนทิฟ ออฟ ลอนดอน, บัท ไอฟว์ บีน เบสท์ เฮียร์ อิน โตเกียว ฟอร์ เทน เยียร์ส.)
แปล: ผมเป็นคนท้องถิ่นของลอนดอนครับ แต่ผมอาศัยอยู่ที่โตเกียวมา 10 ปีแล้ว 

ลูกค้า: That's a very long time! How do you like it here?
(แดทส อะ เวรี ลอง ไทม์! ฮาว ดู ยู ไลค์ อิท เฮียร์?)
แปล: นานมากเลยนะครับ! คุณชอบอยู่ที่นี่ไหม?

 
ผู้จัดการ: I enjoy it very much. Now, shall we discuss our partnership?
(ไอ เอนจอย อิท เวรี มัช. นาว, แชล วี ดิสคัส เอาเออร์ พาร์ทเนอร์ชิพ?)
แปล: ผมชอบมากเลยครับ ตอนนี้เรามาเริ่มคุยเรื่องความร่วมมือกันเลยดีไหมครับ?

บทสนทนาที่ 3: การคุยแบบไม่เป็นทางการ

ทอม: Hey, you're new here, right? Where did you grow up?
(เฮย์, ยัวร์ นิว เฮียร์, ไรท์? แวร์ ดิด ยู โกรว์ อัพ?)
แปล: เฮ้, นายมาใหม่ที่นี่ใช่ไหม? นายโตที่ไหนเหรอ? 

ลีซ่า: Yeah! I grew up in Paris, France. What's your hometown?
(เย! ไอ โกรว์ อัพ อิน แพริส, ฟรานซ์. วอทส ยัวร์ โฮมทาวน์?)
แปล: ใช่แล้ว! ฉันโตที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส บ้านเกิดนายที่ไหนเหรอ? 

ทอม: My hometown is a small town in Arizona. What did you live before moving here?
(มาย โฮมทาวน์ อิส อะ สมอลล์ ทาวน์ อิน แอริโซน่า. วอท ดิด ยู ลิฟว์ บีฟอร์ มูฟวิง เฮียร์?)
แปล: บ้านเกิดฉันเป็นเมืองเล็กๆ ในรัฐแอริโซนา ก่อนย้ายมาที่นี่เธออยู่ที่ไหนเหรอ? 

ลีซ่า: I lived in Paris my whole life. The city is amazing!
(ไอ ลิฟว์ด อิน แพริส มาย โฮล ไลฟ์. เดอะ ซิตี้ อิส อะเมซิ่ง!)
แปล: ฉันอยู่ที่ปารีสมาตลอดชีวิตเลย เมืองนี้มหัศจรรย์มากเลยนะ! 

ทอม: That's awesome. Welcome to the neighborhood!
(แดทส ออซัม. เวลคัม ทู เดอะ เนเบอร์ฮูด!)
แปล: เจ๋งไปเลย ยินดีต้อนรับสู่ละแวกบ้านนะ!


คำศัพท์ (Vocabulary)

หมวด 1: การถามถึงที่มาและถิ่นที่อยู่ (Origin & Location)

  • Where (แวร์) - ที่ไหน

  • From (ฟรอม) - จาก

  • Come from (คัม ฟรอม) - มาจาก

  • Originally (ออริจินัลลี) - ดั้งเดิม

  • Place (เพลส) - สถานที่

  • Origin (ออริจิน) - ถิ่นกำเนิด

  • Country (คันทรี) - ประเทศ

  • World (เวิลด์) - โลก

  • Part (พาร์ท) - ส่วน

  • Native (เนทิฟ) - คนท้องถิ่น

  • Based (เบสท์) - อาศัยอยู่

  • Grow up (โกรว์ อัพ) - เติบโต

  • Hometown (โฮมทาวน์) - บ้านเกิด

  • Around here (อะราวด์ เฮียร์) - แถวนี้

  • Local (โลคอล) - ท้องถิ่น

  • Accent (แอคเซนท์) - สำเนียง

  • Move (มูฟว์) - ย้าย

  • Live (ลิฟว์) - อาศัย

  • Before (บีฟอร์) - ก่อน

  • Home (โฮม) - บ้าน

  • City (ซิตี้) - เมือง

  • Town (ทาวน์) - เมืองเล็กๆ

  • State (สเตท) - รัฐ

  • Region (รีเจียน) - ภูมิภาค

  • Neighborhood (เนเบอร์ฮูด) - ละแวกบ้าน

หมวด 2: ประโยคทั่วไปและการสื่อสาร (General Phrases & Communication)

  • Ask (อาสก์) - ถาม

  • May I (เมย์ ไอ) - ขออนุญาต...

  • Thank you (แตงก์ ยู) - ขอบคุณ

  • Please (พลีส) - ได้โปรด

  • Pleased (พลีสด์) - ยินดี

  • Meet (มีท) - พบ

  • Welcome (เวลคัม) - ยินดีต้อนรับ

  • Right? (ไรท์?) - ใช่ไหม?

  • Yeah (เย) - ใช่

  • Cool (คูล) - เจ๋ง

  • Awesome (ออซัม) - ยอดเยี่ยม

  • Interested (อินเทอเรสเทด) - สนใจ

  • Visit (วิสิท) - เยี่ยมชม

  • Capital (แคปิทอล) - เมืองหลวง

  • Discuss (ดิสคัส) - อภิปราย

  • Partnership (พาร์ทเนอร์ชิพ) - ความร่วมมือ

  • Enjoy (เอนจอย) - เพลิดเพลิน

  • Long time (ลอง ไทม์) - เวลานาน

  • Beautiful (บิวทิฟูล) - สวยงาม

  • Conversation (คอนเวอร์เซชัน) - บทสนทนา

  • Fluent (ฟลูเอนท์) - คล่องแคล่ว

  • Practice (แพรคทิส) - ฝึกฝน

  • Helpful (เฮลพ์ฟูล) - มีประโยชน์

  • Communication (คอมมูนิเคชัน) - การสื่อสาร

  • Building relationships (บิลดิง รีเลชันชิพส์) - การสร้างความสัมพันธ์

  • Impressive (อิมเพรสซิฟว์) - น่าประทับใจ

  • Flow (โฟลว์) - ไหลลื่น

  • Natural (แนทเชอรัล) - เป็นธรรมชาติ

  • Polite (พะไลท์) - สุภาพ

  • Informal (อินฟอร์มอล) - ไม่เป็นทางการ

  • Formal (ฟอร์มอล) - เป็นทางการ

  • Respect (รีสเปคท์) - ความเคารพ

  • Introduce (อินโทรดิวส) - แนะนำ

  • Yourself (ยัวร์เซลฟ์) - ตัวคุณเอง

  • Another (อะนอเธอร์) - อีก

  • Always (ออลเวย์ส) - เสมอ

  • Lived (ลิฟว์ด) - อาศัยอยู่ (อดีต)

  • Whole life (โฮล ไลฟ์) - ตลอดชีวิต

  • Amazing (อะเมซิ่ง) - น่าทึ่ง, มหัศจรรย์

  • Right? (ไรท์?) - ใช่ไหม? (ใช้เพื่อยืนยัน)

  • Shall we? (แชล วี?) - พวกเราจะ...ดีไหม?

  • I hope... (ไอ โฮป...) - ฉันหวังว่า...

  • I'm glad... (ไอม แกลด...) - ฉันดีใจ...

  • I've been... (ไอฟว์ บีน...) - ฉัน...มาแล้ว (อดีต-ปัจจุบัน)

  • Thanks for... (แตงกส ฟอร์...) - ขอบคุณสำหรับ...

  • For you (ฟอร์ ยู) - สำหรับคุณ

  • For me (ฟอร์ มี) - สำหรับฉัน

  • What about you? (วอท อะเบาท์ ยู?) - แล้วคุณล่ะ?

  • How about you? (ฮาว อะเบาท์ ยู?) - แล้วคุณล่ะ?

อยากรู้จัก? What’s your name? วิธีถามชื่อและที่มาแบบมือโปร

 ถามให้เป็น สานสัมพันธ์ให้ได้มากกว่าแค่ “What’s your name?”

การทำความรู้จักกับคนใหม่เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น แต่หลายคนอาจติดอยู่กับประโยคเดิม ๆ อย่าง "What's your name?" หรือ "Where are you from?" ที่อาจจะฟังดูห้วนไปสักหน่อย วันนี้เราจะมาเรียนรู้วิธีการถามคำถามเหล่านี้ให้ดูเป็นธรรมชาติและสุภาพยิ่งขึ้น เพื่อช่วยให้คุณเริ่มต้นบทสนทนาได้อย่างราบรื่นและสร้างความประทับใจตั้งแต่แรกเจอ




1. วิธีถาม "คุณชื่ออะไร?" (How to ask "What's your name?")

การถามชื่ออย่างเหมาะสมเป็นขั้นตอนแรกในการสร้างความสัมพันธ์ และเป็นสิ่งสำคัญในการแสดงความเคารพต่อคู่สนทนาของคุณ ประโยคที่ใช้ในการถามชื่อมีหลายระดับความทางการ ให้คุณเลือกใช้ตามความเหมาะสม

ประโยคที่ใช้บ่อยและเป็นกลาง (Common & Neutral Phrases)

ประโยคเหล่านี้เหมาะสำหรับสถานการณ์ทั่วไป เช่น การแนะนำตัวในงานสังคมหรือการพบปะคนใหม่ในกลุ่ม

  • Could I ask your name? (คูด ไอ อาสก์ ยัวร์ เนม?) - ขอทราบชื่อของคุณได้ไหม?

  • May I have your name, please? (เมย์ ไอ แฮฟว ยัวร์ เนม, พลีส?) - ขอชื่อของคุณหน่อยได้ไหม?

  • And your name is...? (แอนด์ ยัวร์ เนม อิส...?) - แล้วชื่อของคุณคือ...?

  • I don't think we've met. I'm [ชื่อของคุณ]. (ไอ โดนท์ ติงค์ วีฟ เมท. ไอม [ชื่อของคุณ]) - เราคงยังไม่เคยเจอกัน ผม/ฉันชื่อ [ชื่อของคุณ]

ประโยคที่เป็นทางการ (Formal Phrases)

ใช้ประโยคเหล่านี้เมื่อคุณต้องการแสดงความสุภาพสูงสุด เช่น การติดต่อในเชิงธุรกิจหรือการพูดคุยกับผู้ใหญ่

  • What is your full name? (วอท อิส ยัวร์ ฟูล เนม?) - คุณชื่อ-นามสกุลอะไร?

  • I'm sorry, what was your name again? (ไอม ซอร์รี, วอท วอส ยัวร์ เนม อะเกน?) - ขอโทษนะครับ/ค่ะ เมื่อกี้คุณชื่ออะไรนะครับ/คะ?

  • May I know your name? (เมย์ ไอ โนว์ ยัวร์ เนม?) - ขอทราบชื่อของคุณได้ไหม?

  • Could you tell me your name, please? (คูด ยู เทล มี ยัวร์ เนม, พลีส?) - ช่วยบอกชื่อของคุณให้หน่อยได้ไหม?

ประโยคที่ไม่เป็นทางการ (Informal Phrases)

ประโยคเหล่านี้เหมาะกับการใช้กับเพื่อนหรือคนวัยเดียวกัน ให้ความรู้สึกเป็นกันเอง

  • What do people call you? (วอท ดู พีเพิล คอล ยู?) - คนอื่นเรียกคุณว่าอะไร?

  • Do you have a nickname? (ดู ยู แฮฟว์ อะ นิกเนม?) - คุณมีชื่อเล่นไหม?

  • So, what's your name? (โซ, วอทส ยัวร์ เนม?) - แล้วคุณชื่ออะไร?

  • Who are you? (ฮู อาร์ ยู?) - คุณเป็นใคร? (ระวังการใช้ประโยคนี้ เพราะอาจฟังดูห้วนหรือก้าวร้าวได้)

ประโยคที่ใช้ในสถานการณ์เฉพาะ (Situational Phrases)

ประโยคเหล่านี้มีความเจาะจงมากขึ้นและช่วยให้การสนทนาเป็นไปอย่างราบรื่น

  • What name should I call you? (วอท เนม ชูด ไอ คอล ยู?) - ให้ผม/ฉันเรียกคุณว่าอะไรดี?

  • How should I address you? (ฮาว ชูด ไอ แอดเดรส ยู?) - ให้ผม/ฉันเรียกคุณว่าอะไร?

  • What do you go by? (วอท ดู ยู โก บาย?) - คุณใช้ชื่ออะไร? (ใช้บ่อยในหมู่เพื่อน)

  • Your name, please? (ยัวร์ เนม, พลีส?) - ชื่อของคุณด้วยครับ/ค่ะ

  • Tell me your name. (เทล มี ยัวร์ เนม.) - บอกชื่อของคุณมาหน่อย

  • Could you spell out your name for me? (คูด ยู สเปลล์ เอาท์ ยัวร์ เนม ฟอร์ มี?) - ช่วยสะกดชื่อของคุณให้หน่อยได้ไหม?

  • What's your first name? (วอทส ยัวร์ เฟิร์สท เนม?) - คุณชื่อจริงว่าอะไร?

  • What's your last name? (วอทส ยัวร์ ลาสท์ เนม?) - คุณนามสกุลอะไร?


2. วิธีถาม "คุณมาจากที่ไหน?" (How to ask "Where are you from?")

เมื่อคุณรู้ชื่อของคู่สนทนาแล้ว การถามถึงที่มาก็เป็นอีกหนึ่งคำถามที่ช่วยให้การสนทนาดำเนินต่อไปได้ การถามอย่างถูกวิธีจะช่วยสร้างความประทับใจและหลีกเลี่ยงการทำให้คู่สนทนารู้สึกอึดอัด

ประโยคที่ใช้บ่อยและเป็นกลาง (Common & Neutral Phrases)

ประโยคเหล่านี้เหมาะสำหรับสถานการณ์ทั่วไปและเป็นที่นิยมใช้กัน

  • Where do you come from? (แวร์ ดู ยู คัม ฟรอม?) - คุณมาจากที่ไหน?

  • Where are you originally from? (แวร์ อาร์ ยู ออริจินัลลี ฟรอม?) - คุณเป็นคนดั้งเดิมจากที่ไหน?

  • And where are you from? (แอนด์ แวร์ อาร์ ยู ฟรอม?) - แล้วคุณมาจากที่ไหน?

  • May I ask where you are from? (เมย์ ไอ อาสก์ แวร์ ยู อาร์ ฟรอม?) - ขออนุญาตถามหน่อยได้ไหมว่าคุณมาจากที่ไหน?

  • Whereabouts are you from? (แวร์อะเบาท์ส อาร์ ยู ฟรอม?) - คุณมาจากแถวไหน?

ประโยคที่ใช้ในเชิงธุรกิจหรือเป็นทางการ (Formal Phrases)

ใช้ประโยคเหล่านี้เมื่อต้องการความเป็นทางการ เช่น การประชุมทางธุรกิจหรือการพบปะผู้คนในงานราชการ

  • May I ask your place of origin? (เมย์ ไอ อาสก์ ยัวร์ เพลส ออฟ ออริจิน?) - ขอทราบถิ่นกำเนิดของคุณได้ไหม?

  • What is your country of origin? (วอท อิส ยัวร์ คันทรี ออฟ ออริจิน?) - คุณมีถิ่นกำเนิดจากประเทศอะไร?

  • Which part of the world are you from? (วิช พาร์ท ออฟ เดอะ เวิลด์ อาร์ ยู ฟรอม?) - คุณมาจากส่วนไหนของโลก?

  • Where are you a native of? (แวร์ อาร์ ยู อะ เนทิฟ ออฟ?) - คุณเป็นคนท้องถิ่นของที่ไหน?

ประโยคที่ไม่เป็นทางการ (Informal Phrases)

ประโยคเหล่านี้เหมาะสำหรับการคุยเล่นกับเพื่อนหรือคนที่คุณรู้จักอยู่แล้ว

  • Where are you based? (แวร์ อาร์ ยู เบสท์?) - คุณอาศัยอยู่ที่ไหน?

  • Where did you grow up? (แวร์ ดิด ยู โกรว์ อัพ?) - คุณเติบโตที่ไหน?

  • What's your hometown? (วอทส ยัวร์ โฮมทาวน์?) - บ้านเกิดของคุณคือที่ไหน?

  • You're not from around here, are you? (ยัวร์ นอท ฟรอม อะราวด์ เฮียร์, อาร์ ยู?) - คุณไม่ใช่คนแถวนี้นี่นา ใช่ไหม?

  • So, where are you from? (โซ, แวร์ อาร์ ยู ฟรอม?) - แล้วคุณมาจากที่ไหน?

  • What part of the country are you from? (วอท พาร์ท ออฟ เดอะ คันทรี อาร์ ยู ฟรอม?) - คุณมาจากส่วนไหนของประเทศ?

ประโยคที่ใช้ในสถานการณ์เฉพาะ (Situational Phrases)

ประโยคเหล่านี้ช่วยให้คุณถามถึงที่มาของคู่สนทนาได้อย่างเจาะจงมากขึ้น

  • Is that a local accent? (อิส แดท อะ โลคอล แอคเซนท์?) - สำเนียงนั้นเป็นสำเนียงท้องถิ่นหรือเปล่า?

  • Did you move here from another country? (ดิด ยู มูฟ เฮียร์ ฟรอม อะนอเธอร์ คันทรี?) - คุณย้ายมาที่นี่จากประเทศอื่นหรือเปล่า?

  • Where did you live before moving here? (แวร์ ดิด ยู ลิฟว์ บีฟอร์ มูฟวิง เฮียร์?) - คุณเคยอาศัยอยู่ที่ไหนก่อนที่จะย้ายมาที่นี่?

  • What part of the world did you come from? (วอท พาร์ท ออฟ เดอะ เวิลด์ ดิด ยู คัม ฟรอม?) - คุณมาจากส่วนไหนของโลก?

  • Where's home for you? (แวร์ส โฮม ฟอร์ ยู?) - บ้านของคุณอยู่ที่ไหน?


ตัวอย่างบทสนทนา (Conversation Examples)

บทสนทนาที่ 1: การแนะนำตัวในงานสังคม

แอนนา: Hi, I don't think we've met. I'm Anna.
(ไฮ, ไอ โดนท์ ติงค์ วีฟ เมท. ไอม แอนนา.)
แปล: สวัสดีค่ะ เราคงยังไม่เคยเจอกัน ฉันชื่อแอนนาค่ะ 

เบน: Hi Anna, nice to meet you. May I have your name, please?
(ไฮ แอนนา, ไนซ์ ทู มีท ยู. เมย์ ไอ แฮฟว ยัวร์ เนม, พลีส?)
แปล: สวัสดีแอนนา ยินดีที่ได้รู้จักครับ ขอทราบชื่อของคุณหน่อยได้ไหมครับ?

แอนนา: Oh, sorry. It's Ben. And where are you from, Anna?
(โอ, ซอร์รี. อิทส เบน. แอนด์ แวร์ อาร์ ยู ฟรอม, แอนนา?)
แปล: อ๋อ ขอโทษค่ะ ฉันชื่อเบน แล้วคุณมาจากที่ไหนคะ แอนนา? 

เบน: I'm from Bangkok, Thailand. And you?
(ไอม ฟรอม แบงคอก, ไทยแลนด์. แอนด์ ยู?)
แปล: ฉันมาจากกรุงเทพฯ, ประเทศไทยค่ะ แล้วคุณล่ะ?

  แอนนา: I'm originally from London. What do you do for work, Ben?
(ไอม ออริจินัลลี ฟรอม ลอนดอน. วอท ดู ยู ดู ฟอร์ เวิร์ค, เบน?)
แปล: ฉันเป็นคนลอนดอนค่ะ คุณทำงานอะไรคะ เบน? 

เบน: I'm a graphic designer. And you?
(ไอม อะ กราฟิก ดีไซน์เนอร์. แอนด์ ยู?)
แปล: ผมเป็นกราฟิกดีไซเนอร์ครับ แล้วคุณล่ะ?

บทสนทนาที่ 2: การคุยกับลูกค้าในเชิงธุรกิจ

ลูกค้า: Good morning. I'm here for the 10 a.m. meeting.
(กูด มอร์นิง. ไอม เฮียร์ ฟอร์ เดอะ เทน เอเอ็ม มีททิง.)
แปล: สวัสดีครับ ผมมาประชุมตอน 10 โมงครับ 

พนักงานต้อนรับ: Good morning, sir. Could I ask your name, please?
(กูด มอร์นิง, เซอร์. คูด ไอ อาสก์ ยัวร์ เนม, พลีส?)
แปล: สวัสดีค่ะคุณลูกค้า ขอทราบชื่อของคุณได้ไหมคะ? 

ลูกค้า: My full name is Robert Johnson.
(มาย ฟูล เนม อิส โรเบิร์ท จอห์นสัน.)
แปล: ชื่อเต็มของผมคือ โรเบิร์ท จอห์นสัน ครับ 

พนักงานต้อนรับ: Thank you, Mr. Johnson. May I ask your place of origin for our records?
(แตงก์ ยู, มิสเตอร์ จอห์นสัน. เมย์ ไอ อาสก์ ยัวร์ เพลส ออฟ ออริจิน ฟอร์ เอาเออร์ เรคคอร์ดส?)
แปล: ขอบคุณค่ะ คุณจอห์นสัน ขอทราบถิ่นกำเนิดของคุณสำหรับบันทึกของเราได้ไหมคะ? 

ลูกค้า: I'm from New York, United States.
(ไอม ฟรอม นิว ยอร์ค, ยูไนเต็ด สเตทส์.)
แปล: ผมมาจากนิวยอร์ก, สหรัฐอเมริกาครับ

บทสนทนาที่ 3: การคุยแบบสบาย ๆ กับเพื่อนใหม่

เจส: Hey! I heard you're new around here. What do you go by?
(เฮย์! ไอ เฮิร์ด ยัวร์ นิว อะราวด์ เฮียร์. วอท ดู ยู โก บาย?)
แปล: เฮ้! ได้ยินว่านายเพิ่งย้ายมาที่นี่ นายชื่ออะไรเหรอ? 

ไมค์: Yeah, I am. My name's Mike. What's your hometown?
(เย, ไอ แอม. มาย เนมส ไมค์. วอทส ยัวร์ โฮมทาวน์?)
แปล: ใช่แล้ว ฉันชื่อไมค์ บ้านเกิดนายที่ไหนเหรอ? 

เจส: I grew up in Chicago. You're not from around here, are you?
(ไอ โกรว์ อัพ อิน ชิคาโก. ยัวร์ นอท ฟรอม อะราวด์ เฮียร์, อาร์ ยู?)
แปล: ฉันโตที่ชิคาโก นายไม่ใช่คนแถวนี้ใช่ไหม? 

ไมค์: That's right! I just moved here from San Francisco.
(แดทส ไรท์! ไอ จัสท์ มูฟว์ เฮียร์ ฟรอม แซน ฟรานซิสโก.)
แปล: ถูกต้อง! ฉันเพิ่งย้ายมาจากซานฟรานซิสโก


คำศัพท์ (Vocabulary)

หมวด 1: การแนะนำตัวและถามข้อมูลส่วนตัว (Introduction & Personal Information)

  • Name (เนม) - ชื่อ

  • Full name (ฟูล เนม) - ชื่อเต็ม

  • First name (เฟิร์สท เนม) - ชื่อจริง

  • Last name (ลาสท์ เนม) - นามสกุล

  • Nickname (นิกเนม) - ชื่อเล่น

  • Ask (อาสก์) - ถาม

  • Have (แฮฟว) - มี

  • Know (โนว์) - รู้จัก

  • Tell (เทล) - บอก

  • Call (คอล) - เรียก

  • Address (แอดเดรส) - เรียก

  • Go by (โก บาย) - ใช้ชื่อ

  • Spell (สเปลล์) - สะกด

  • Meet (มีท) - พบ

  • Sorry (ซอร์รี) - ขอโทษ

  • Again (อะเกน) - อีกครั้ง

  • People (พีเพิล) - ผู้คน

  • Who (ฮู) - ใคร

  • What (วอท) - อะไร

  • How (ฮาว) - อย่างไร

หมวด 2: การถามถึงที่มาและถิ่นที่อยู่ (Origin & Location)

  • Where (แวร์) - ที่ไหน

  • From (ฟรอม) - จาก

  • Come from (คัม ฟรอม) - มาจาก

  • Originally (ออริจินัลลี) - ดั้งเดิม

  • Place of origin (เพลส ออฟ ออริจิน) - ถิ่นกำเนิด

  • Country (คันทรี) - ประเทศ

  • World (เวิลด์) - โลก

  • Native of (เนทิฟ ออฟ) - คนท้องถิ่นของ

  • Based (เบสท์) - อาศัยอยู่

  • Grow up (โกรว์ อัพ) - เติบโต

  • Hometown (โฮมทาวน์) - บ้านเกิด

  • Around here (อะราวด์ เฮียร์) - แถวนี้

  • Part of (พาร์ท ออฟ) - ส่วนของ

  • Local (โลคอล) - ท้องถิ่น

  • Accent (แอคเซนท์) - สำเนียง

  • Move (มูฟ) - ย้าย

  • Before (บีฟอร์) - ก่อน

  • Live (ลิฟว์) - อาศัย

  • Another (อะนอเธอร์) - อีก

  • Home (โฮม) - บ้าน

หมวด 3: ประโยคเพิ่มเติมและคำแนะนำ (Additional Phrases & Advice)

  • Should I (ชูด ไอ) - ฉันควร

  • Please (พลีส) - ได้โปรด

  • Thank you (แตงก์ ยู) - ขอบคุณ

  • Sorry (ซอร์รี) - ขอโทษ

  • Nice to meet you (ไนซ์ ทู มีท ยู) - ยินดีที่ได้รู้จัก

  • Welcome (เวลคัม) - ยินดีต้อนรับ

  • New (นิว) - ใหม่

  • Introduced (อินโทรดิวสท์) - แนะนำ

  • Conversation (คอนเวอร์เซชัน) - บทสนทนา

  • Fluent (ฟลูเอนท์) - คล่องแคล่ว

  • Practice (แพรคทิส) - ฝึกฝน

  • Helpful (เฮลพ์ฟูล) - มีประโยชน์

  • Confidence (คอนฟิเดนซ์) - ความมั่นใจ

  • Communication (คอมมูนิเคชัน) - การสื่อสาร

  • Relationship (รีเลชันชิพ) - ความสัมพันธ์

  • Impression (อิมเพรสชัน) - ความประทับใจ

  • Different (ดิฟเฟอร์เรนท์) - แตกต่าง

  • Situation (ซิทชูเอชัน) - สถานการณ์

  • Formal (ฟอร์มอล) - เป็นทางการ

  • Informal (อินฟอร์มอล) - ไม่เป็นทางการ

  • Polite (พะไลท์) - สุภาพ

  • Rude (รูด) - หยาบคาย

  • Avoid (อะวอยด์) - หลีกเลี่ยง

  • Remember (รีเมมเบอร์) - จำ

  • Yourself (ยัวร์เซลฟ์) - ตัวคุณเอง

  • Their (แดร์) - ของพวกเขา

  • My (มาย) - ของฉัน

  • Your (ยัวร์) - ของคุณ

  • Our (เอาเออร์) - ของพวกเรา

  • Its (อิทส) - ของมัน

เบื่อแล้ว "I'm fine": 20 วิธีตอบให้ดูเป็นธรรมชาติและเป็นมือโปร

 ตอบให้ถูกใจ สร้างความประทับใจได้ง่ายกว่าที่คิด! เมื่อถูกถามว่า "How are you?" คำตอบแรกที่หลายคนนึกถึงคือ "I'm fine, thank you." แต่รู้ไหมว่า...คำตอบนี้อาจทำให้คุณดูเหมือนเป็นหุ่นยนต์ที่พูดประโยคซ้ำๆ เดิมๆ! ในโลกแห่งความเป็นจริง ผู้คนมีวิธีตอบที่หลากหลายและเป็นธรรมชาติมากกว่านั้นมาก บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจ 20 ประโยคที่ใช้แทน "I'm fine, thank you." เพื่อให้คุณตอบได้อย่างมั่นใจและเหมาะสมกับทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการคุยกับเพื่อนสนิทหรือในที่ประชุมธุรกิจ



คำว่า "I'm fine, thank you." ไม่ได้ผิดหลักไวยากรณ์ แต่ในชีวิตจริงคนเจ้าของภาษาจะใช้ประโยคอื่น ๆ ที่หลากหลายกว่ามาก การตอบที่ดูเป็นธรรมชาติและสะท้อนความรู้สึกจริง ๆ จะช่วยให้การสนทนาไหลลื่นและน่าสนใจยิ่งขึ้น ลองมาดูตัวอย่างประโยคเหล่านี้ที่จะช่วยให้คุณเลือกใช้คำตอบที่เหมาะสมกับสถานการณ์ต่าง ๆ กันค่ะ

1. ประโยคยอดนิยมและใช้บ่อย (Popular & Common Phrases)

ประโยคเหล่านี้เหมาะสำหรับการใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่เป็นทางการจนเกินไป และสามารถใช้ได้กับทั้งเพื่อนและคนรู้จัก

  • I'm good, thanks. (ไอม กูด, แตงกส) - ฉันสบายดี, ขอบคุณ

    • เป็นคำตอบที่สั้นกระชับและใช้ได้บ่อยมาก

  • I'm doing well, thanks. (ไอม ดูอิง เวล, แตงกส) - ฉันสบายดี, ขอบคุณ

    • คล้ายกับ "I'm good" แต่ให้ความรู้สึกที่เต็มประโยคและสุภาพขึ้นเล็กน้อย

  • I'm okay, thanks. (ไอม โอเคน, แตงกส) - ฉันโอเค, ขอบคุณ

    • ใช้เมื่อคุณไม่ได้รู้สึกดีมาก แต่ก็ไม่ได้แย่

  • I'm great! How about you? (ไอม เกรท! ฮาว อะเบาท์ ยู?) - ฉันเยี่ยมเลย! แล้วคุณล่ะ?

    • เป็นคำตอบที่แสดงความกระตือรือร้นและเปิดโอกาสให้การสนทนาดำเนินต่อไป

  • Not bad, thanks. (นอท แบด, แตงกส) - ก็ไม่แย่นะ, ขอบคุณ

    • เป็นคำตอบที่ใช้ได้เมื่อคุณรู้สึกเฉย ๆ ไม่ได้ดีมาก แต่ก็ไม่แย่

2. ประโยคที่ใช้ตอบแบบสบาย ๆ (Casual Phrases)

ถ้าคุณกำลังคุยกับเพื่อนสนิทหรือคนในครอบครัว ลองใช้คำตอบเหล่านี้เพื่อสร้างบรรยากาศที่เป็นกันเองและสนุกสนาน

  • I'm doing great. (ไอม ดูอิง เกรท) - ฉันสบายดีมาก

    • ใช้เมื่อคุณกำลังรู้สึกดีสุด ๆ

  • Couldn't be better! (คูดดึนท์ บี เบทเทอร์!) - ดีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว!

    • เป็นสำนวนที่ใช้เมื่อคุณรู้สึกดีมาก ๆ และพอใจกับชีวิต

  • I'm hanging in there. (ไอม แฮงกิง อิน แดร์) - ฉันก็เรื่อย ๆ นะ

    • ใช้เมื่อคุณกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ท้าทาย แต่ก็ยังรับมือได้อยู่

  • Same old, same old. (เซม โอลด์, เซม โอลด์) - ก็เหมือนเดิม ๆ

    • ใช้เมื่อคุณรู้สึกว่าไม่มีอะไรใหม่ในชีวิต

  • Pretty good. (พริตตี กูด) - ก็ค่อนข้างดี

    • เป็นคำตอบที่ใช้ได้ทั่วไป ให้ความรู้สึกเป็นกันเอง

3. ประโยคที่ใช้ตอบแบบเป็นทางการ (Formal Phrases)

ในสถานการณ์ทางธุรกิจหรือเมื่อคุยกับผู้ใหญ่ที่คุณเคารพ การใช้ประโยคที่สุภาพและเป็นทางการจะช่วยสร้างความประทับใจได้

  • I am well, thank you. (ไอ แอม เวล, แตงก์ ยู) - ฉันสบายดี, ขอบคุณ

    • เป็นทางการมาก และใช้ได้ดีในสถานการณ์ทางธุรกิจ

  • Very well, thank you. (เวรี เวล, แตงก์ ยู) - สบายดีมาก, ขอบคุณ

    • สุภาพและเป็นทางการ ให้ความรู้สึกมั่นใจ

  • I'm well, and you? (ไอม เวล, แอนด์ ยู?) - ฉันสบายดี, แล้วคุณล่ะ?

    • เป็นการตอบแบบสั้น ๆ ที่สุภาพและเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้พูดบ้าง

  • I appreciate you asking. I am well. (ไอ แอพพรีชีเอท ยู อาสกิง. ไอ แอม เวล) - ขอบคุณที่ถาม ฉันสบายดี

    • เป็นคำตอบที่แสดงความซาบซึ้งและสุภาพมาก

  • I'm doing quite well, thank you for asking. (ไอม ดูอิง ไควท์ เวล, แตงก์ ยู ฟอร์ อาสกิง) - ฉันสบายดีเลย ขอบคุณที่ถาม

    • เป็นคำตอบที่สุภาพและเต็มประโยค

4. ประโยคที่ใช้สื่อถึงความรู้สึกหรือสภาพร่างกาย (Feeling & Physical Condition)

ในบางครั้งคุณอาจอยากให้คำตอบที่สะท้อนถึงความรู้สึกหรือสภาพร่างกายของคุณอย่างแท้จริง

  • I feel much better now, thank you. (ไอ ฟีล มัช เบทเทอร์ นาว, แตงก์ ยู) - ตอนนี้ฉันรู้สึกดีขึ้นมาก, ขอบคุณ

    • ใช้ตอบเมื่อคุณเพิ่งหายป่วย

  • I'm getting better. (ไอม เกททิง เบทเทอร์) - ฉันกำลังดีขึ้น

    • ใช้เมื่อคุณกำลังฟื้นตัว

  • I'm holding up. (ไอม โฮลดิง อัพ) - ฉันก็ยังสู้ ๆ อยู่

    • ใช้เมื่อคุณกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก

  • I'm doing my best. (ไอม ดูอิง มาย เบสท์) - ฉันกำลังพยายามอย่างเต็มที่

    • ใช้เมื่อคุณกำลังทุ่มเทกับบางสิ่งบางอย่าง

  • I'm a little tired, but okay. (ไอม อะ ลิทเทิล ไทร์ด, บัท โอเคน) - ฉันเหนื่อยนิดหน่อย แต่ก็โอเค

    • เป็นคำตอบที่ตรงไปตรงมาและแสดงความรู้สึกที่แท้จริง


ตัวอย่างบทสนทนา (Conversation Examples)

บทสนทนาที่ 1: การทักทายกับเพื่อนร่วมงาน

แม็กซ์: Hi, Sarah. How are you doing?
(ไฮ, ซารา. ฮาว อาร์ ยู ดูอิง?)
แปล: สวัสดี, ซารา. เป็นยังไงบ้าง? 

ซารา: I'm good, thanks! How about you?
(ไอม กูด, แตงกส! ฮาว อะเบาท์ ยู?)
แปล: ฉันสบายดี, ขอบคุณ! แล้วคุณล่ะ? 

แม็กซ์: I'm doing well, thanks. Busy week?
(ไอม ดูอิง เวล, แตงกส. บิซซี วีค?)
แปล: ฉันสบายดี, ขอบคุณ. สัปดาห์นี้ยุ่งไหม? 

ซารา: A little. But I'm hanging in there!
(อะ ลิทเทิล. บัท ไอม แฮงกิง อิน แดร์!)
แปล: นิดหน่อย. แต่ฉันก็ยังสู้ ๆ อยู่! 

แม็กซ์: Good to hear!
(กูด ทู เฮียร์!)
แปล: ดีใจที่ได้ยิน!

บทสนทนาที่ 2: การตอบคำถามในสถานการณ์ที่เป็นทางการ

ผู้บริหาร: Mr. Smith, how do you do? I hope you are well.
(มิสเตอร์ สมิธ, ฮาว ดู ยู ดู? ไอ โฮป ยู อาร์ เวล.)
แปล: คุณสมิธ, เป็นอย่างไรบ้าง? หวังว่าคุณจะสบายดีนะครับ 

คุณสมิธ: Very well, thank you. And you?
(เวรี เวล, แตงก์ ยู. แอนด์ ยู?)
แปล: สบายดีมากครับ, ขอบคุณครับ. แล้วคุณล่ะครับ? 

ผู้บริหาร: I'm doing quite well, thank you for asking. Let's begin the meeting.
(ไอม ดูอิง ไควท์ เวล, แตงก์ ยู ฟอร์ อาสกิง. เลทส บีกิน เดอะ มีททิง.)
แปล: ผมสบายดีเลยครับ ขอบคุณที่ถาม. เรามาเริ่มการประชุมกันเถอะครับ 

คุณสมิธ: I appreciate you asking. Let's. I am well.
(ไอ แอพพรีชีเอท ยู อาสกิง. เลทส. ไอ แอม เวล.)
แปล: ขอบคุณที่ถามครับ. มาเริ่มกันเลยครับ. ผมสบายดี 

ผู้บริหาร: Great.
(เกรท.)
แปล: เยี่ยม

บทสนทนาที่ 3: การตอบเมื่อเพิ่งหายป่วย

โจนาธาน: Hey Mia, how are you feeling today?
(เฮย์ มีอา, ฮาว อาร์ ยู ฟีลลิง ทูเดย์?)
แปล: เฮ้ มีอา, วันนี้รู้สึกเป็นยังไงบ้าง? 

มีอา: I feel much better now, thank you for asking.
(ไอ ฟีล มัช เบทเทอร์ นาว, แตงก์ ยู ฟอร์ อาสกิง.)
แปล: ตอนนี้ฉันรู้สึกดีขึ้นมาก, ขอบคุณที่ถามนะ 

โจนาธาน: I'm glad to hear that. I hope you're getting better.
(ไอม แกลด ทู เฮียร์ แดท. ไอ โฮป ยัวร์ เกททิง เบทเทอร์.)
แปล: ฉันดีใจที่ได้ยินอย่างนั้น. ฉันหวังว่าเธอจะดีขึ้นเรื่อย ๆ นะ 


มีอา:
Thanks! I'm doing my best to rest.
(แตงกส! ไอม ดูอิง มาย เบสท์ ทู เรสท์.)
แปล: ขอบคุณ! ฉันกำลังพยายามพักผ่อนอย่างเต็มที่เลย 

โจนาธาน: Take care!
(เทค แคร์!)
แปล: ดูแลตัวเองนะ!



คำศัพท์ (Vocabulary)

หมวด 1: การตอบรับและการแสดงความรู้สึก (Responses & Feelings)

  • Good (กูด) - ดี, สบายดี

  • Well (เวล) - สบายดี

  • Okay (โอเคน) - โอเค, ตกลง

  • Great (เกรท) - ยอดเยี่ยม

  • Bad (แบด) - แย่

  • Better (เบทเทอร์) - ดีขึ้น

  • Much (มัช) - มาก

  • Hanging in there (แฮงกิง อิน แดร์) - สู้, ยังรับมือได้

  • Same old (เซม โอลด์) - เหมือนเดิม

  • Pretty (พริตตี) - ค่อนข้าง

  • Quite (ไควท์) - ค่อนข้าง

  • Feel (ฟีล) - รู้สึก

  • Tired (ไทร์ด) - เหนื่อย

  • Hold up (โฮลด์ อัพ) - ยืนหยัด, สู้

  • Best (เบสท์) - ดีที่สุด

  • Doing (ดูอิง) - กำลังทำ

  • Getting (เกททิง) - กำลัง...

  • Much better (มัช เบทเทอร์) - ดีขึ้นมาก

  • Thank you (แตงก์ ยู) - ขอบคุณ

  • Thanks (แตงกส) - ขอบคุณ (แบบสั้น)

  • Appreciate (แอพพรีชีเอท) - ซาบซึ้ง, ขอบคุณ

  • Ask (อาสค์) - ถาม

  • How about you? (ฮาว อะเบาท์ ยู) - แล้วคุณล่ะ?

  • And you? (แอนด์ ยู) - แล้วคุณล่ะ?

  • Happy (แฮปปี้) - มีความสุข

  • Sad (แซด) - เศร้า

  • Excited (อิคไซเทด) - ตื่นเต้น

  • Stressed (สเตรสท์) - เครียด

  • Sick (ซิก) - ป่วย

  • Healthy (เฮลธี) - สุขภาพดี

  • Fine (ฟายน์) - สบายดี

  • Wonderful (วันเดอร์ฟูล) - ยอดเยี่ยม

  • Fantastic (แฟนแทสติก) - วิเศษ

  • Terrific (เทอร์ริฟฟิก) - ยอดเยี่ยม

  • Okay (โอเคน) - โอเค

  • Just okay (จัสท์ โอเคน) - ก็โอเค

  • So-so (โซ-โซ) - งั้น ๆ

  • Not too bad (นอท ทู แบด) - ก็ไม่แย่เท่าไหร่

  • Could be worse (คูด บี เวิร์ส) - อาจจะแย่กว่านี้ก็ได้

  • Feeling down (ฟีลลิง ดาวน์) - รู้สึกไม่ดี

  • Feeling well (ฟีลลิง เวล) - รู้สึกสบายดี

  • Getting better (เกททิง เบทเทอร์) - กำลังดีขึ้น

  • Recovering (รีคัฟเวอร์ริง) - กำลังฟื้นตัว

  • Feeling great (ฟีลลิง เกรท) - รู้สึกยอดเยี่ยม

  • On top of the world (ออน ท็อป ออฟ เดอะ เวิลด์) - มีความสุขสุด ๆ

  • Busy (บิซซี) - ยุ่ง

  • Tired (ไทร์ด) - เหนื่อย

  • Week (วีค) - สัปดาห์

  • Meeting (มีททิง) - การประชุม

  • Begin (บีกิน) - เริ่มต้น

  • Start (สตาร์ท) - เริ่ม

  • Rest (เรสท์) - พักผ่อน

  • Care (แคร์) - ดูแล

  • Take care (เทค แคร์) - ดูแลตัวเองนะ

  • Glad (แกลด) - ดีใจ

  • Hear (เฮียร์) - ได้ยิน

  • Family (แฟมิลี) - ครอบครัว

  • Friend (เฟรนด์) - เพื่อน

  • Colleague (คอลลีก) - เพื่อนร่วมงาน

  • Boss (บอส) - เจ้านาย

  • Client (ไคลเอนท์) - ลูกค้า

  • Manager (แมนเนเจอร์) - ผู้จัดการ

  • Project (โพรเจกท์) - โครงการ

  • Report (รีพอร์ท) - รายงาน

  • Work (เวิร์ค) - งาน

  • Life (ไลฟ์) - ชีวิต

  • Health (เฮลธ์) - สุขภาพ

  • Situation (ซิทชูเอชัน) - สถานการณ์

  • Mood (มูด) - อารมณ์

  • Feeling (ฟีลลิง) - ความรู้สึก

  • Condition (คอนดิชัน) - สภาพ

  • Day (เดย์) - วัน

  • Today (ทูเดย์) - วันนี้

  • Tomorrow (ทูมอร์โรว์) - พรุ่งนี้

  • Yesterday (เยสเทอร์เดย์) - เมื่อวาน

  • Morning (มอร์นิง) - ตอนเช้า

  • Afternoon (อาฟเตอร์นูน) - ตอนบ่าย

  • Evening (อีฟวีนิง) - ตอนเย็น

  • Night (ไนท์) - กลางคืน