ค้นหาบล็อกนี้

วันอาทิตย์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

รู้ลึก รู้จริง! "Get + V.3" ไม่ได้มีแค่ถูกกระทำ พร้อมตัวอย่างเน้น ๆ ใช้ได้ทุกสถานการณ์!

 สวัสดีเพื่อน ๆ ที่รักภาษาอังกฤษทุกคน! วันนี้เราจะมาเจาะลึกโครงสร้าง "get + กริยาช่องที่ 3 (V.3)" ที่หลายคนคุ้นเคยในความหมายของ Passive Voice หรือรูปถูกกระทำ แต่จริง ๆ แล้ว วลีนี้ยังมีความหมายและการใช้งานที่หลากหลายกว่านั้นมาก! ถ้าพร้อมแล้ว ตามมาดูกันเลย

"Get + V.3" : เข้าใจความหมายหลัก

โดยพื้นฐานแล้ว "get + V.3" มักจะใช้เพื่อแสดงว่าประธานของประโยคเป็นผู้ที่ได้รับผลจากการกระทำบางอย่าง หรืออยู่ในสถานะที่เกิดจากการกระทำนั้น ๆ  มาดูตัวอย่างวลีฮิต ๆ พร้อมตัวอย่างประโยคกันเลย!



1. Get Hired (ถูกจ้าง)

  • ความหมาย: ได้รับการว่าจ้างให้ทำงาน
  • ตัวอย่าง:
    • She was so happy when she got hired by the marketing company. (เธอมีความสุขมากเมื่อเธอถูกจ้างโดยบริษัทการตลาด)
    • After several interviews, he finally got hired as a software developer. (หลังจากการสัมภาษณ์หลายครั้ง ในที่สุดเขาก็ถูกจ้างเป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์)

2. Get Fired (ถูกไล่ออก)

  • ความหมาย: ถูกเลิกจ้างจากงาน
  • ตัวอย่าง:
    • He got fired for constantly being late to work. (เขาถูกไล่ออกเพราะมาทำงานสายเป็นประจำ)
    • Due to the company's financial problems, many employees got fired. (เนื่องจากปัญหาทางการเงินของบริษัท พนักงานจำนวนมากถูกไล่ออก)

3. Get Promoted (ถูกเลื่อนตำแหน่ง)

  • ความหมาย: ได้รับการเลื่อนตำแหน่งที่สูงขึ้นในงาน
  • ตัวอย่าง:
    • She got promoted to senior manager after five years of hard work. (เธอได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการอาวุโสหลังจากทำงานหนักมาห้าปี)
    • His excellent performance led to him getting promoted quickly. (ผลงานที่ยอดเยี่ยมของเขานำไปสู่การที่เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งอย่างรวดเร็ว)

4. Get Arrested (ถูกจับกุม)

  • ความหมาย: ถูกตำรวจจับเนื่องจากกระทำผิดกฎหมาย
  • ตัวอย่าง:
    • He got arrested for driving under the influence of alcohol. (เขาถูกจับกุมในข้อหาขับรถขณะมึนเมาสุรา)
    • The suspects got arrested at the scene of the crime. (ผู้ต้องสงสัยถูกจับกุม ณ ที่เกิดเหตุ)

5. Get Caught (ถูกจับได้)

  • ความหมาย: ถูกพบหรือจับได้ขณะทำบางสิ่งที่ไม่ควรทำ
  • ตัวอย่าง:
    • The students got caught cheating during the exam. (นักเรียนถูกจับได้ว่าโกงข้อสอบ)
    • He tried to sneak out, but he got caught by his parents. (เขาพยายามแอบหนีออกไป แต่เขาถูกพ่อแม่จับได้)

6. Get Stolen (ถูกขโมย)

  • ความหมาย: สูญเสียบางสิ่งบางอย่างเนื่องจากการถูกขโมย
  • ตัวอย่าง:
    • Her purse got stolen while she was shopping. (กระเป๋าเงินของเธอถูกขโมยขณะที่เธอกำลังซื้อของ)
    • His bike got stolen from right outside his house. (จักรยานของเขาถูกขโมยไปจากหน้าบ้านของเขา)

7. Get Repaired (ถูกซ่อม)

  • ความหมาย: ได้รับการซ่อมแซมให้กลับสู่สภาพเดิม
  • ตัวอย่าง:
    • My car got repaired at the local garage. (รถของฉันถูกซ่อมที่อู่ซ่อมรถในท้องถิ่น)
    • The old building got repaired and looks brand new. (อาคารเก่าได้รับการซ่อมแซมและดูเหมือนใหม่เอี่ยม)

8. Get Broken (พัง / แตก)

  • ความหมาย: เสียหายจนไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ หรือแตกหัก
  • ตัวอย่าง:
    • The vase got broken when he accidentally knocked it over. (แจกันแตกเมื่อเขาทำล้มโดยไม่ได้ตั้งใจ)
    • His phone got broken after he dropped it on the pavement. (โทรศัพท์ของเขาพังหลังจากที่เขาทำตกบนทางเท้า)

9. Get Paid (ได้รับค่าจ้าง)

  • ความหมาย: ได้รับเงินสำหรับการทำงานที่ทำ
  • ตัวอย่าง:
    • I get paid at the end of every month. (ฉันได้รับค่าจ้างทุกสิ้นเดือน)
    • The workers got paid for the extra hours they worked. (คนงานได้รับค่าจ้างสำหรับชั่วโมงการทำงานพิเศษที่พวกเขาทำ)

10. Get Hurt (ได้รับบาดเจ็บ)

  • ความหมาย: ได้รับความเสียหายทางร่างกาย
  • ตัวอย่าง:
    • He got hurt playing soccer yesterday. (เขาได้รับบาดเจ็บจากการเล่นฟุตบอลเมื่อวาน)
    • She got hurt in a car accident. (เธอได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางรถยนต์)

11. Get Divorced (หย่าร้าง)

  • ความหมาย: สิ้นสุดการสมรสอย่างเป็นทางการ
  • ตัวอย่าง:
    • They got divorced after ten years of marriage. (พวกเขาหย่าร้างกันหลังจากแต่งงานมาสิบปี)
    • It was a difficult time when his parents got divorced. (มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากเมื่อพ่อแม่ของเขาหย่าร้างกัน)

12. Get Dressed (แต่งตัว)

  • ความหมาย: สวมเสื้อผ้า
  • ตัวอย่าง:
    • He got dressed quickly in the morning so he wouldn't be late. (เขาแต่งตัวอย่างรวดเร็วในตอนเช้าเพื่อที่จะไม่สาย)
    • What time do you usually get dressed? (ปกติคุณแต่งตัวตอนกี่โมง?)

13. Get Undressed (ถอดเสื้อผ้า)

  • ความหมาย: ถอดเสื้อผ้าออก
  • ตัวอย่าง:
    • She got undressed and went straight to bed. (เธอถอดเสื้อผ้าและตรงไปที่เตียง)
    • Please get undressed before taking a shower. (กรุณาถอดเสื้อผ้าก่อนอาบน้ำ)

14. Get Lost (หลงทาง)

  • ความหมาย: ไม่รู้ว่าจะไปทางไหน
  • ตัวอย่าง:
    • We got lost while hiking in the forest. (พวกเราหลงทางขณะเดินป่า)
    • Have you ever got lost in a big city? (คุณเคยหลงทางในเมืองใหญ่ไหม?)

15. Get Found (พบ / ถูกพบ)

  • ความหมาย: ถูกค้นพบ หรือหาเจอ
  • ตัวอย่าง:
    • The missing child finally got found safe and sound. (เด็กที่หายไปในที่สุดก็ถูกพบอย่างปลอดภัย)
    • His lost wallet got found by a kind stranger. (กระเป๋าสตางค์ที่หายไปของเขาถูกพบโดยคนแปลกหน้าใจดี)

16. Get Started (เริ่มต้น)

  • ความหมาย: เริ่มทำบางสิ่งบางอย่าง
  • ตัวอย่าง:
    • Let's get started on the project right away. (มาเริ่มโครงการกันเลย)
    • What time should we get started with the meeting? (เราควรเริ่มการประชุมตอนกี่โมง?)

17. Get Finished (เสร็จสิ้น)

  • ความหมาย: ทำบางสิ่งบางอย่างเสร็จ
  • ตัวอย่าง:
    • I was so relieved when I finally got finished with the exam. (ฉันรู้สึกโล่งใจมากเมื่อสอบเสร็จ)
    • Have you got finished reading that book yet? (คุณอ่านหนังสือเล่มนั้นจบหรือยัง?)

18. Get Excited (ตื่นเต้น)

  • ความหมาย: รู้สึกตื่นเต้น
  • ตัวอย่าง:
    • The children got excited about the upcoming holiday. (เด็ก ๆ ตื่นเต้นกับวันหยุดที่กำลังจะมาถึง)
    • I always get excited when I travel to a new place. (ฉันตื่นเต้นเสมอเมื่อเดินทางไปยังที่ใหม่ ๆ)

19. Get Surprised (ประหลาดใจ)

  • ความหมาย: รู้สึกประหลาดใจ
  • ตัวอย่าง:
    • She got surprised by the unexpected birthday party. (เธอประหลาดใจกับงานเลี้ยงวันเกิดที่ไม่คาดคิด)
    • He got surprised when he saw who was at the door. (เขาประหลาดใจเมื่อเห็นว่าใครอยู่ที่ประตู)

20. Get Upset (เสียใจ / ไม่พอใจ)

  • ความหมาย: รู้สึกเสียใจหรือไม่พอใจ
  • ตัวอย่าง:
    • He got upset when he heard the bad news. (เขารู้สึกเสียใจเมื่อได้ยินข่าวร้าย)
    • Don't get upset; we can try again later. (อย่าเสียใจไปเลย พวกเราลองใหม่อีกครั้งได้)

21. Get Worried (กังวล)

  • ความหมาย: รู้สึกกังวล
  • ตัวอย่าง:
    • She got worried when her son didn't come home on time. (เธอกังวลเมื่อลูกชายไม่กลับบ้านตรงเวลา)
    • I always get worried before an important presentation. (ฉันกังวลเสมอ ก่อนการนำเสนอที่สำคัญ)

22. Get Confused (สับสน)

  • ความหมาย: ไม่เข้าใจ หรือรู้สึกงุนงง
  • ตัวอย่าง:
    • He got confused by the complicated instructions. (เขาสับสนกับคำแนะนำที่ซับซ้อน)
    • The students often get confused with these two similar words. (นักเรียนมักจะสับสนกับสองคำที่คล้ายกันนี้)

23. Get Invited (ได้รับการเชิญ)

  • ความหมาย: ได้รับคำเชิญ
  • ตัวอย่าง:
    • We got invited to their wedding next month. (พวกเราได้รับการเชิญไปงานแต่งงานของพวกเขาเดือนหน้า)
    • She was happy to get invited to the exclusive event. (เธอมีความสุขที่ได้รับการเชิญไปงานสุดพิเศษ)

24. Get Informed (ได้รับการแจ้ง)

  • ความหมาย: ได้รับข้อมูลหรือข่าวสาร
  • ตัวอย่าง:
    • We got informed about the change in the meeting schedule. (พวกเราได้รับการแจ้งเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงตารางการประชุม)
    • All employees will get informed about the new company policy. (พนักงานทุกคนจะได้รับการแจ้งเกี่ยวกับนโยบายใหม่ของบริษัท)

25. Get Used To (คุ้นเคยกับ)

  • ความหมาย: เคยชินกับบางสิ่งบางอย่าง
  • ตัวอย่าง:
    • It took me a while to get used to the new city. (ฉันใช้เวลาสักพักกว่าจะคุ้นเคยกับเมืองใหม่)
    • He got used to waking up early for his new job. (เขาคุ้นเคยกับการตื่นเช้าสำหรับงานใหม่ของเขา)

สรุป:

หวังว่าตัวอย่างวลี "get + V.3" เหล่านี้ จะช่วยให้เพื่อน ๆ เข้าใจการใช้งานในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ชัดเจนยิ่งขึ้นนะ อย่าลืมลองนำไปใช้ในการพูดและการเขียนภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันกันดูนะ ฝึกฝนบ่อย ๆ รับรองว่าคล่องแน่นอน!

ไขความลับ "Get + V.3": ไม่ได้มีแค่ถูกกระทำ! พร้อมตัวอย่างเข้าใจง่าย

วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจให้ลึกซึ้งเกี่ยวกับการใช้ "get + กริยาช่องที่ 3 (v.3)" กันหลายคนอาจจะคุ้นเคยกับการใช้ในรูปของ Passive Voice หรือการถูกกระทำ แต่จริง ๆ แล้ว "get + v.3" ยังมีความหมายและการใช้งานที่น่าสนใจอีกมากมายเลยทีเดียว ไปดูกัน 

"Get + V.3" ไม่ได้มีแค่ "ถูกกระทำ"

  1. ถูกกระทำ (Passive Voice): เน้นที่การเปลี่ยนแปลงหรือเหตุการณ์

    • อย่างที่เราทราบกันดีว่า "get + v.3" ใช้เพื่อแสดงว่าประธานของประโยคเป็นผู้ถูกกระทำกริยานั้น ๆ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ "get" มักจะเน้นไปที่การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากกว่า
    • ตัวอย่าง:
      • The window got broken. (หน้าต่างถูกทำให้แตก/แตกไปแล้ว - เน้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น)
      • The letter got sent. (จดหมายถูกส่งไปแล้ว - เน้นการกระทำที่เสร็จสิ้น)
  2. กลายเป็น/เปลี่ยนแปลงไป (Becoming): แสดงการเปลี่ยนสถานะ

    • นอกจากความหมายของการถูกกระทำแล้ว "get + v.3" ยังสามารถใช้เพื่อแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงสถานะของประธานได้อีกด้วย
    • ตัวอย่าง:
      • He got tired after working all day. (เขากลายเป็นเหนื่อยหลังจากทำงานมาทั้งวัน - เน้นการเปลี่ยนแปลงสภาพ)
      • She got worried when she didn't hear from him. (เธอกังวลเมื่อไม่ได้รับการติดต่อจากเขา - เน้นการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์)
      • The food got burned. (อาหารไหม้ - เน้นการเปลี่ยนแปลงสภาพที่ไม่ดี)
  3. ได้รับ (Receiving): ในบางสำนวน

    • ในบางสำนวน "get + v.3" สามารถมีความหมายว่า "ได้รับ" ซึ่งมักจะใช้กับคำกริยาบางคำเท่านั้น
    • ตัวอย่าง:
      • She got invited to the party. (เธอได้รับเชิญไปงานปาร์ตี้)
      • He got promoted. (เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่ง)

"Get + V.3" VS "Be + V.3": ต่างกันอย่างไร?

หลายคนอาจจะสงสัยว่าแล้วการใช้ "get + v.3" ต่างจากการใช้ "be + v.3" ในรูป Passive Voice อย่างไร? หลัก ๆ แล้วคือ:

  • Be + V.3: เน้นที่ สถานะที่เป็นอยู่ หรือ สภาพที่เป็นอยู่
  • Get + V.3: เน้นที่ การเปลี่ยนแปลง หรือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ลองดูตัวอย่างเพื่อความเข้าใจที่ชัดเจนขึ้น:

  • The door was locked. (ประตูถูกล็อกอยู่ - บอกสถานะของประตู)
  • The door got locked. (ประตูถูกล็อก - บอกถึงเหตุการณ์ที่ประตูล็อก)

สำนวน "Get + V.3" ที่ควรรู้!

นี่คือตัวอย่างสำนวนที่ใช้ "get + v.3" ที่น่าสนใจและใช้บ่อยในชีวิตประจำวันครับ/ค่ะ:

  • get dressed: แต่งตัว
  • get lost: หลงทาง
  • get married: แต่งงาน
  • get paid: ได้รับเงิน
  • get started: เริ่มต้น
  • get used to: คุ้นเคยกับ
  • get excited: ตื่นเต้น
  • get surprised: ประหลาดใจ

ประโยคตัวอย่างพร้อมคำแปลและเน้นความหมายของ "get + v.3" :

  • The window got broken by the storm. (หน้าต่างถูกพายุพัดแตก) - ถูกกระทำ
  • He got fired from his job last week. (เขาถูกไล่ออกจากงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว) - ถูกกระทำ
  • The letter got lost in the mail. (จดหมายหายไปในไปรษณีย์) - ถูกกระทำ
  • She got invited to the party. (เธอได้รับเชิญไปงานปาร์ตี้) - ถูกกระทำ
  • The cake got eaten very quickly. (เค้กถูกกินอย่างรวดเร็วมาก) - ถูกกระทำ
  • I got stuck in traffic for an hour. (ฉันติดอยู่ในรถติดเป็นชั่วโมง) - ถูกกระทำ/อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ต้องการ
  • He got injured during the football match. (เขาได้รับบาดเจ็บระหว่างการแข่งขันฟุตบอล) - ถูกกระทำ
  • The new bridge got completed last month. (สะพานใหม่สร้างเสร็จเมื่อเดือนที่แล้ว) - ถูกกระทำ
  • We got caught in the rain. (พวกเราติดฝน) - ถูกกระทำ/อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ต้องการ
  • The movie got praised by the critics. (ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการชื่นชมจากนักวิจารณ์) - ถูกกระทำ
  • He got promoted to senior manager. (เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการอาวุโส) - ถูกกระทำ/ได้รับการเปลี่ยนแปลงสถานะที่ดีขึ้น
  • She got dressed quickly this morning. (เช้านี้เธอแต่งตัวอย่างรวดเร็ว) - กลายเป็น/เปลี่ยนแปลงไป (เน้นการกระทำของตัวเอง แต่ใช้ "get" ในความหมายของการเปลี่ยนแปลง)
  • The food got burned because I forgot about it. (อาหารไหม้เพราะฉันลืมมัน) - กลายเป็น/เปลี่ยนแปลงไป (เน้นผลลัพธ์ที่ไม่ดี)
  • He got worried when she didn't call. (เขากังวลเมื่อเธอไม่โทรมา) - กลายเป็น/เปลี่ยนแปลงไป (เน้นการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์)
  • The milk got spoiled because it wasn't refrigerated. (นมเสียเพราะไม่ได้แช่เย็น) - กลายเป็น/เปลี่ยนแปลงไป (เน้นผลลัพธ์ที่ไม่ดี)
  • They got married last summer. (พวกเขาแต่งงานกันเมื่อฤดูร้อนที่แล้ว) - กลายเป็น/เปลี่ยนแปลงไป (เน้นการเปลี่ยนแปลงสถานะ)
  • I got lost in the city. (ฉันหลงทางในเมือง) - ถูกกระทำ/อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ต้องการ
  • The documents got signed by the CEO. (เอกสารได้รับการลงนามโดย CEO) - ถูกกระทำ
  • She got accepted into her dream university. (เธอได้รับการตอบรับเข้ามหาวิทยาลัยในฝันของเธอ) - ถูกกระทำ/ได้รับการเปลี่ยนแปลงสถานะที่ดีขึ้น
  • The car got stolen last night. (รถถูกขโมยเมื่อคืน) - ถูกกระทำ
  • He got confused by the complicated instructions. (เขาสับสนกับคำแนะนำที่ซับซ้อน) - กลายเป็น/เปลี่ยนแปลงไป (เน้นการเปลี่ยนแปลงทางสภาวะทางจิตใจ)
  • The problem got solved quickly. (ปัญหาได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็ว) - ถูกกระทำ
  • We got informed about the meeting schedule. (พวกเราได้รับการแจ้งเกี่ยวกับตารางการประชุม) - ถูกกระทำ
  • The house got painted a new color. (บ้านถูกทาสีใหม่) - ถูกกระทำ/ได้รับการเปลี่ยนแปลง
  • He got elected as the class president. (เขาได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานชั้นเรียน) - ถูกกระทำ/ได้รับการเปลี่ยนแปลงสถานะ
  • She got surprised by the unexpected gift. (เธอประหลาดใจกับของขวัญที่ไม่คาดคิด) - กลายเป็น/เปลี่ยนแปลงไป (เน้นการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์)
  • The project got delayed due to funding issues. (โครงการถูกเลื่อนออกไปเนื่องจากปัญหาด้านการเงิน) - ถูกกระทำ
  • They got paid for their hard work. (พวกเขาได้รับการจ่ายค่าตอบแทนสำหรับความขยันของพวกเขา) - ถูกกระทำ/ได้รับการบางสิ่ง
  • He got used to waking up early. (เขาคุ้นเคยกับการตื่นเช้า) - กลายเป็น/เปลี่ยนแปลงไป (เน้นการเปลี่ยนแปลงจนเป็นปกติ)
  • The news got reported on all major channels. (ข่าวถูกรายงานในทุกช่องทางหลัก) - ถูกกระทำ

มาลองทำแบบฝึกหัดกัน!

เติมคำในช่องว่างให้ถูกต้องโดยใช้กริยาในวงเล็บในรูป "get + v.3":

  1. The car _________ (wash) yesterday.
  2. She _________ (invite) to the party.
  3. He _________ (confuse) by the directions.
  4. They _________ (pay) last Friday.
  5. We need to _________ (start) the project soon.

(เฉลยอยู่ท้ายบทความ)



สรุปและเน้นย้ำ:

วันนี้เราได้เรียนรู้กันไปแล้วว่า "get + v.3" ไม่ได้มีความหมายแค่ "ถูกกระทำ" เท่านั้น แต่ยังสามารถใช้เพื่อแสดงการเปลี่ยนแปลงสถานะ หรือเป็นส่วนหนึ่งของสำนวนที่น่าสนใจอีกด้วย การเข้าใจความหมายที่หลากหลายนี้จะช่วยให้เราใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างเป็นธรรมชาติและแม่นยำยิ่งขึ้น อย่าลืมนำไปฝึกฝนและลองใช้กันดูนะ เป็นกำลังใจให้ทุกคนในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ

(เฉลยแบบฝึกหัด)

  1. got washed
  2. got invited
  3. got confused
  4. got paid
  5. get started

ไม่ต้องเสียเวลา! เข้าใจและใช้ "Don't Bother + V.ing" อย่างง่าย

don't bother + v.ing ไม่ต้องเสียเวลา/ลำบาก/กังวลที่จะ... หรือ ไม่ต้องทำ...ให้เสียเวลา/ลำบาก/กังวล

วันนี้เราจะมาเจาะลึกสำนวนภาษาอังกฤษที่เจอบ่อยมาก ๆ นั่นก็คือ "Don't bother + V.ing" กัน หลายคนอาจจะเคยได้ยินหรือเคยใช้กันมาบ้างแล้ว แต่รู้ความหมายและวิธีการใช้อย่างถูกต้องหรือเปล่า? ถ้ายังไม่มั่นใจ มาดูกันเลย!

โดยทั่วไปแล้ว "Don't bother + V.ing" มีความหมายว่า "ไม่ต้องเสียเวลา/ลำบาก/กังวลที่จะ..." หรือ "ไม่ต้องทำ...ให้เสียเวลา/ลำบาก/กังวล"  เป็นการแนะนำหรือบอกให้ใครบางคนไม่ต้องทำบางสิ่งบางอย่างเพราะมันอาจจะไม่จำเป็น, ไม่มีประโยชน์, หรืออาจจะทำให้เกิดความยุ่งยากเปล่า ๆ นั่นเอง

มาดูตัวอย่างการใช้งาน "Don't Bother + V.ing" พร้อมคำแปลและบริบทเพิ่มเติมกัน:

1. Don't bother waiting for me; I might be late.

    คำแปล: ไม่ต้องเสียเวลารอฉันนะ ฉันอาจจะสาย

    บริบท: บอกเพื่อนที่กำลังรออยู่ว่าไม่ต้องรอ เพราะเราอาจจะไปสาย

2. Don't bother cooking a big meal just for me.

    คำแปล: ไม่ต้องลำบากทำอาหารเยอะแยะแค่สำหรับฉันคนเดียวนะ

    บริบท: บอกคนที่กำลังจะทำอาหารว่าไม่ต้องทำเผื่อเยอะ

3. Don't bother cleaning the house; we'll do it tomorrow.

    คำแปล: ไม่ต้องเสียเวลาทำความสะอาดบ้านหรอก พวกเราจะทำกันพรุ่งนี้

    บริบท: บอกคนในบ้านว่าไม่ต้องรีบทำความสะอาด

4. Don't bother calling him; he never answers his phone.

    คำแปล: ไม่ต้องเสียเวลาโทรหาเขาหรอก เขาไม่เคยรับโทรศัพท์

    บริบท: บอกคนที่กำลังจะโทรหาใครบางคนว่าโทรไปก็ไม่รับ

5. Don't bother asking her for help; she's too busy.

    คำแปล: ไม่ต้องลำบากไปขอความช่วยเหลือจากเธอหรอก ช่วงนี้เธอยุ่งมาก

    บริบท: บอกคนที่กำลังจะขอความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมงาน

6. Don't bother explaining; I already understand.

    คำแปล: ไม่ต้องเสียเวลาอธิบายแล้ว ฉันเข้าใจแล้วล่ะ

    บริบท: บอกคนที่กำลังจะอธิบายอะไรให้ฟัง

7. Don't bother buying me a gift; your presence is enough.

    คำแปล: ไม่ต้องลำบากซื้อของขวัญให้ฉันหรอก แค่เธอมาก็ดีใจแล้ว

    บริบท: บอกเพื่อนที่กำลังจะซื้อของขวัญให้ในโอกาสพิเศษ

8. Don't bother locking the door; I'll be right back.

    คำแปล: ไม่ต้องเสียเวลาล็อกประตูหรอก เดี๋ยวฉันก็กลับมาแล้ว

    บริบท: บอกคนที่กำลังจะล็อกประตูเพราะเราจะออกไปแค่แป๊บเดียว

9. Don't bother getting dressed up; it's just a casual meeting.

    คำแปล: ไม่ต้องเสียเวลาแต่งตัวหรูหรา นี่แค่นัดเจอแบบสบาย ๆ

    บริบท: บอกเพื่อนร่วมงานเกี่ยวกับการแต่งกายสำหรับการประชุมที่ไม่เป็นทางการ

10. Don't bother printing out the document; we can read it online.

    คำแปล: ไม่ต้องเสียเวลาปริ้นเอกสารออกมาหรอก พวกเราอ่านในออนไลน์ได้

    บริบท: บอกเพื่อนร่วมทีมว่าไม่ต้องพิมพ์เอกสารให้เปลืองกระดาษ

11. Don't bother arguing with him; he's very stubborn.

    คำแปล: ไม่ต้องเสียเวลาเถียงกับเขาหรอก เขาเป็นคนหัวรั้นมาก

    บริบท: เตือนเพื่อนว่าการเถียงกับคนนี้ไม่มีประโยชน์

12. Don't bother worrying about it; everything will be fine.

    คำแปล: ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้นหรอก ทุกอย่างจะเรียบร้อยดี

    บริบท: ปลอบใจเพื่อนที่กำลังกังวล

13. Don't bother looking for your keys; I saw them on the table.

    คำแปล: ไม่ต้องเสียเวลาหากุญแจแล้ว ฉันเห็นวางอยู่บนโต๊ะ

    บริบท: บอกคนที่กำลังหากุญแจว่าเจอแล้ว

14. Don't bother watering the plants; it rained this morning.

    คำแปล: ไม่ต้องเสียเวลารดน้ำต้นไม้หรอก เมื่อเช้านี้ฝนตก

    บริบท: บอกคนที่กำลังจะรดน้ำต้นไม้ว่าไม่ต้องรดแล้ว

15. Don't bother writing it down; I'll remember.

    คำแปล: ไม่ต้องเสียเวลาเขียนมันลงไปหรอก ฉันจำได้

    บริบท: บอกคนที่กำลังจะจดบันทึกว่าเราจำได้แล้ว

16. Don't bother carrying that heavy bag; I can help you.

    คำแปล: ไม่ต้องลำบากถือกระเป๋าหนักนั่น เดี๋ยวฉันช่วยถือเอง

    บริบท: เสนอความช่วยเหลือในการถือของหนัก

17. Don't bother complaining; it won't change anything.

    คำแปล: ไม่ต้องเสียเวลาบ่นหรอก มันไม่ทำให้อะไรเปลี่ยนแปลง

    บริบท: บอกคนที่กำลังจะบ่นถึงสถานการณ์ที่ไม่สามารถแก้ไขได้

18. Don't bother rushing; we have plenty of time.

    คำแปล: ไม่ต้องรีบร้อนหรอก พวกเรามีเวลาเหลือเฟือ

    บริบท: บอกคนที่กำลังรีบเร่งว่ามีเวลาพอ

19. Don't bother checking again; I'm sure it's correct.

    คำแปล: ไม่ต้องเสียเวลาตรวจสอบอีกครั้งหรอก ฉันมั่นใจว่ามันถูกต้อง

    บริบท: บอกคนที่กำลังจะตรวจสอบอะไรบางอย่างซ้ำว่าไม่ต้องทำ

20. Don't bother asking for permission; just go ahead.

    คำแปล: ไม่ต้องเสียเวลาขออนุญาตหรอก ทำได้เลย

    บริบท: อนุญาตให้ใครบางคนทำอะไรบางอย่างได้เลย

21. Don't bother trying to fix it; it's beyond repair.

    คำแปล: ไม่ต้องเสียเวลาพยายามซ่อมมันหรอก มันเสียเกินกว่าจะซ่อมได้แล้ว

    บริบท: บอกคนที่กำลังพยายามซ่อมของที่เสียไปแล้ว

22. Don't bother explaining yourself; I trust you.

    คำแปล: ไม่ต้องเสียเวลาอธิบายตัวเองหรอก ฉันเชื่อใจเธอ

    บริบท: แสดงความเชื่อมั่นในตัวอีกฝ่าย

23. Don't bother searching online; I already found the information.

    คำแปล: ไม่ต้องเสียเวลาค้นหาออนไลน์หรอก ฉันเจอข้อมูลแล้ว

    บริบท: บอกคนที่กำลังจะค้นหาข้อมูลว่าเราเจอแล้ว

24. Don't bother saving a seat for me; I might stand.

    คำแปล: ไม่ต้องเสียเวลาจองที่นั่งให้ฉันหรอก ฉันอาจจะยืน

    บริบท: บอกคนที่กำลังจะจองที่นั่งให้ว่าเราอาจจะไม่นั่ง

25. Don't bother translating every word; just get the main idea.

    คำแปล: ไม่ต้องเสียเวลาแปลทุกคำหรอก แค่เข้าใจใจความสำคัญก็พอ

    บริบท: แนะนำวิธีการอ่านหรือฟังภาษาอังกฤษ

26. Don't bother being too formal; we're all friends here.

    คำแปล: ไม่ต้องเสียเวลาทำตัวเป็นทางการมากหรอก พวกเราเป็นเพื่อนกันทั้งนั้น

    บริบท: สร้างบรรยากาศที่เป็นกันเอง

27. Don't bother feeling guilty; it wasn't your fault.

    คำแปล: ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก มันไม่ใช่ความผิดของคุณ

    บริบท: ปลอบใจคนที่รู้สึกผิด

28. Don't bother making a fuss; it's not a big deal.

    คำแปล: ไม่ต้องเสียเวลาทำเรื่องให้วุ่นวายหรอก มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

    บริบท: ลดความสำคัญของปัญหา

29. Don't bother looking back; just focus on the future.

    คำแปล: ไม่ต้องเสียเวลามองย้อนกลับไปหรอก แค่มุ่งเน้นไปที่อนาคต

    บริบท: ให้กำลังใจให้ก้าวไปข้างหน้า

30. Don't bother pretending you're happy if you're not.

    คำแปล: ไม่ต้องเสียเวลาแสร้งทำเป็นมีความสุขหรอกถ้าเธอไม่ได้รู้สึกแบบนั้น

    บริบท: บอกให้ใครบางคนเป็นตัวของตัวเอง

ตัวอย่างประโยคเพิ่มเติม:

31. Don't bother bringing a jacket; it's warm outside. 

(ไม่ต้องเสียเวลาเอาเสื้อแจ็คเก็ตมาหรอก ข้างนอกอากาศอบอุ่น)

32. Don't bother asking him about his personal life; he doesn't like talking about it. 

(ไม่ต้องเสียเวลาถามเรื่องส่วนตัวของเขาหรอก เขาไม่ชอบพูดถึง)

33. Don't bother making coffee for me; I've already had some. 

(ไม่ต้องเสียเวลาชงกาแฟให้ฉันหรอก ฉันดื่มมาแล้ว)

34. Don't bother waiting in line; we can come back later. 

(ไม่ต้องเสียเวลาต่อแถวหรอก พวกเรากลับมาทีหลังก็ได้)

35. Don't bother wrapping the gift; it's just for my family. 

(ไม่ต้องเสียเวลาห่อของขวัญหรอก นี่ให้แค่คนในครอบครัว)