ค้นหาบล็อกนี้

วันพุธที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

I will survive: ไม่ตายหรอกย่ะ


At first I was afraid, I was petrified
ตอนแรกฉันก็กลัวจะเสียวสยองนะ
Kept thinkin’ I could never live without you by my side
คอยแต่คิดวนไปวนมา คิดไปว่าต้องขาดใจแน่ ๆ ถ้าไม่มีเธอมาอยู่ข้างกาย
Then I spent so many nights thinking how you did me wrong
แต่เมื่อวันคืนผ่านไป
คิดไปแล้วว่าเธอทำอะไรไม่ดีกับฉันยังไงที่ผ่านมา
And I grew strong
ฉันก็รู้สึกแกร่ง เข้มแข็งขึ้นเป็นกอง
And I learned how to get along
และได้เรียนรู้ที่จะมีชีวิตอยู่อย่างไรต่อไป
And so you’re back from outer space
แต่แล้วเธอก็กลับมาหาฉัน มาจากโลกไหนก็ไม่รู้
I just walked in to find you here, with that sad look upon your
face
พอฉันเดินเข้ามา ก็ต้องมาเจอใบหน้าอันเศร้าหมองของเธอ
I should have changed that stupid lock
ฉันน่าจะเปลี่ยนกลอนประตูเฮงซวยนั่นเสียให้รู้แล้วรู้รอด
I should have made you leave your key
ฉันน่าจะทวงกุญแจคืนมา
If I had known for just one second you’d be back to bother me
เนี่ย ถ้าเพียงแค่รู้ว่า เธอจะกลับมากวนใจฉันอีกอย่างนี้
Go on now go, walk out the door
ออกไปเสียเถอะ ออกประตูนั่นไปเลย
Just turn around now
ไสหัวไป ตอนนี้เลย
’coz you’re not welcome anymore
เพราะที่นี่ ไม่ต้อนรับเธออีกแล้ว
Weren’t you the one who tried to break me with goodbye?
ก็เธอไม่ใช่เหรอที่พยายามจะทำฉันเจ็บด้วยการตีจาก
Did you think I’d crumble?
เธอคิดเหรอว่าจะทำฉันแตกเป็นเสี่ยง ๆ
Did you think I’d lay down and die?
นั่นเธอคิดเหรอว่า ฉันต้องแดดิ้นสิ้นใจตายลงตรงนี้
Oh no not I, I will survive
ไม่ใช่ฉันแน่ เพราะฉันจะยังอยู่ ไม่ตายหรอกย่ะ
For as long as I know how to love, I know I’ll stay alive
ตราบเท่าที่ฉันรู้จักรักเป็น ฉันจะต้องอยู่ มีชีวิตอยู่ต่อไป
I’ve got all my life to live
ฉันมีชีวิตทั้งชีวิตต้องดูแลต่อไป
And I’ve got all my love to give
ฉันมีรักพร้อมเต็มหัวใจพร้อมมอบให้คนอื่น
I’ll survive
ฉันจะไม่ตายหรอก
I will survive
ฉันต้องอยู่ได้
Hey hey
เฮ เฮ
It took all the strength I had not to fall apart
ฉันรวบรวมกำลังกายกำลังใจทุกส่วน
ป้องกันไม่ให้ตัวเองต้องพังพินาศลงไป
Just trying hard to mend the pieces of my broken heart
ฉันพยายามสุดฤทธิ์ ซ่อมแซมหัวใจที่แตกเป็นเสี่ยง
And I spent oh so many nights just feeling sorry for myself
ฉันต้องเสียเวลาไปหลายคืน คอยนั่งเสียใจกับตัวเอง
I used to cry, but now I hold my head up high
ฉันเคยร้องไห้ แต่จากนี้ไปไม่อีกแล้ว
And you see me, somebody new
เธอจะได้เห็น ฉันเป็นคนใหม่
I’m not that chained up little person still in love with you
ฉันไม่ใช่คนกระจอก คอยลุ่มหลงรักเธอหัวปักหัวปำ
And so you felt like dropping in and just expect me to be free
จนทำให้เธอไม่เห็นคุณค่า คิดจะมาหาเมื่อไหร่ก็มา
But now I’m savin’ all my lovin’ for someone who’s lovin’ me
แต่ไม่ใช่แล้ว ไม่...อีกต่อไป ฉันจะเก็บรักไว้ให้คนใหม่ที่รักฉัน

เรียนธรรมะภาษาอังกฤษ

Dhamma that leads the mind away from hinderances
is called tranquillity meditation
Dhamma that helps one gain insight into matters and
see them as impermanent, subject to suffering, and
non-self is called insight meditation.

Dhamma = ธรรมมะ หรือ ธรรมชาติ
away from = สงบระงับจาก
hinderances = นิวรณ์ สิ่งกั้นจิตไม่ให้บบรรลุความดี
tranquillity meditation = สมถกรรมฐาน
gain insight = เกิดความรู้แจ้งเห็นจริง
impermanent = อนิจจัง ความไม่คงทนถาวร
subject to suffering = ทุกขัง ทำให้เกิดทุกข์
non-self = อนัตตา ไม่ใช่ของตน
insight meditation = วิปัสสนากรรมฐาน

ธรรมชาติใดที่ทำจิตให้สงบระงับจากนิวรณ์
ธรรมชาตินั้นชื่อว่าสมถกรรมฐาน
ธรรมชาติใดที่ทำให้เกิดความรู้แจ้งเห็นจริง
ในสภาวะธรรมคือรูปนามว่า เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ธรรมชาตินั้นชื่อว่าวิปัสสนากรรมฐาน





 



















Credit :http://board.palungjit.com/f199/%E0%B8%9F%E0%B8%B8%E0%B8%95-%E0%B8%9F%E0%B8%B4%E0%B8%95-%E0%B8%9F%E0%B8%AD-%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1-%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%A9%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B8%B3-163670.html

Nouns (คำนาม) Types (ชนิดของคำนาม)



Nouns (คำนาม)
Types (ชนิดของคำนาม)

คำนาม ( Nouns ) หมายถึงคำที่ใช้เรียกคน สัตว์ สิ่งต่างๆ สถานที่ คุณสมบัติ สภาพ อาการ การกระทำ ความคิด ความรู้สึก ทั้งที่มีรูปร่างให้มองเห็น และไม่มีรูปร่าง  การแบ่งคำนามสามารถจำแนกได้หลายแบบแล้วแต่ตำรา  เท่าที่รวบรวมนำเสนอในที่นี้มี  4 แบบ คือ
แบบที่  1     แบ่งคำนามเป็น 2 ประเภท
แบบที่  2     แบ่งคำนามเป็น 3 ประเภท
แบบที่  3     แบ่งคำนามเป็น  4 ประเภท
แบบที่  4     แบ่งคำนามเป็น  7 ประเภท
ซึ่ง ใน  7  ประเภทนี้  3 ประเภทสุดท้ายได้แก่ material nouns, concrete nouns  และ mass  nouns อาจจัดอยู่ในกลุ่ม  common nouns  ได้ดังนี้

2 ประเภท
3 ประเภท
4 ประเภท
7 ประเภท
Common Nouns
Proper Nouns
Common Nouns
Proper Nouns
Abstract Nouns
Common Nouns
Proper Nouns
Abstract Nouns
Collective Nouns
1. Common Nouns
2. Proper Nouns
3. Abstract Nouns
4. Collective Nouns
5. Material Nouns
6. Concrete Nouns
7. Mass Nouns

1. Common Noun (นามทั่วไป)
เป็นคำนามที่ใช้เรียกคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ทั่วๆไป ความคิด ( person, animal, place, thing, idea ) โดยไม่เฉพาะเจาะจง กล่าวโดยสรุปคือ คำนามทั้งหลายที่ไม่ใช่ proper nouns คือ common nouns เช่น
สิ่งของ          boy, sign, table, hill, water, sugar, atom, elephant
สถานที่         city, hill, road, stadium, school, company
เหตุการณ์      revolution, journey, meeting
ความรู้สึก      fear, hate, love
เวลา            year, minute, millennium
  • Common Nouns เป็นได้ทั้ง นามนับได้ (Countable) และนามนับไม่ได้ ( Uncountable )
    Countable Nouns ( นามนับได้ ) สามารถอยู่ทั้งในรูปเอกพจน์หรือพหูพจน์
            มีตัวตน      เช่น dog, man, coin , note, dollar, table, suitcase
            ไม่มีตัวตน   เช่น day, month, year, action, feeling
    Uncountable Nouns (นามนับไม่ได้ ) หรือ Mass Nouns อยู่ในรูปเอกพจน์ เท่านั้น
            มีตัวตน   เช่น   furniture, luggage, rice, sugar , water ,gold
           ไม่มีตัวตน  เช่น  music, love, happiness, knowledge, advice , information

Common countable
Common uncountable
indefinite(ไม่เจาะจง)
definite(เจาะจง)
indefinite(ไม่เจาะจง)
definite(เจาะจง)
Singular 
a cow
the cow
milk
the milk
plural
cows
the cows
-
-
  • Common Nouns จะไม่ขึ้นต้นด้วยตัวใหญ่ ( Capital letter ) ยกเว้นเป็นคำขึ้นต้นของประโยค  ตัวอย่าง
There are many children on the beach. Children love to swim.

2. Proper Nouns (นามเฉพาะ) จะต้องขึ้นต้นด้วยตัวใหญ่เสมอไม่ว่าจะอยู่ที่ใดของประโยค
  • เป็นคำนามที่เป็นชื่อเฉพาะของ Common Noun เช่น
    ชื่อคน (Person Name) เช่น   Somsak , Tom, Daeng
    ชื่อสถานที่ ( Place Name) เช่น   Australia, Bangkok, Sukhumvit Road, Toyota
    ชื่อบอกระยะเวลา (Time name ) เช่น Saturday, January, Christmas
  • Proper Nouns จะต้องเขียนขึ้นต้นด้วยตัวใหญ่ ( Capital letter )
  • Proper Nouns ปกติจะไม่มี determiner นำหน้า นอกจากอยู่ในรูปของพหูพจน์ เช่น the Jones ( ครอบครัวโจนส์ )
    the United States, the Himalayas
    แต่อย่างไรก็ดีมีข้อยกเว้นของคำนามที่ไม่ได้อยู่ในรูปพหูพจน์ เช่น The White House, the Sahara ( ทะเลทราย ),
    the Pacific ( Ocean ), the Vatican, the Kremlin ( ดูรายละเอียดจากเรื่องการใช้ articles – the )
  • เปรียบเทียบระหว่าง common nouns และ proper nouns
Common Nouns
Proper Nouns
dog
Lassie ( ชื่อของสุนัข )
boy
Jack ( ชื่อของเด็กชาย)
car
Toyota ( ชื่อยี่ห้อรถ )
month
January ( ชื่อของเดือน)
road
Sukhumvit ( ชื่อถนน )
university
Chulalongkorn ( ชื่อมหาวิทยาลัย)
ship
U.S.S. Enterprise ( ชื่อเรือ )
country
Thailand (ชื่อประเทศ )


  คำนามประเภทอื่นมีคำอธิบายดังนี้
3. Abstract Nouns   
เป็นคำนามของสิ่งที่ไม่มีรูปร่าง ไม่สามารถสัมผัสได้ด้วยประสาททั้ง 5 (touch- สัมผัสได้, sight-มองเห็นได้, taste-ชิมได้, hearing- ได้ยิน, smell- ได้กลิ่น) เป็นนามที่บอกลักษณะ สภาวะ อาการ เมื่อแปลเป็นภาษาไทยมักจะมีคำว่า ความ การนำหน้าอยู่ด้วยรวมทั้งชื่อศิลปะวิทยาการต่างๆ
Abstract Nouns จะมีที่มาจากคำกริยา (verb), คำคุณศัพท์ (adjective) และ คำนาม (noun) ด้วยกันเองบ้าง เช่น

Abstract Nouns
ที่มาจากคำกริยา 
Abstract  Nouns
ที่มาจากคำคุณศัพท์
Abstract Nouns
ที่มาจากคำนาม
decision - to decide
beauty - beautiful
infancy - infant
thought  - to think
poverty - poor
childhood - child
Imagination - to imagine
vacancy - vacant
friendship - friend
speech - to speak
happiness - happy

growth - to grow
wisdom - wise



4. Collective Nouns
เป็นคำนามของสิ่งที่เป็นหมวดหมู่ กลุ่มของคน สัตว์ สิ่งของ เช่น family , class, company, committee, cabinet, audience, board, group, jury, public, society, team, majority orchestra, party เป็นต้นรวมทั้ง a flock of birds, a herd of cattle ,a fleet of ships เป็นต้น อาจจะใช้คำกริยารูปของเอกพจน์หรือพหูพจน์ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการใช้   ว่าต้องการให้เป็นหนึ่งเดียวหรือเป็นแต่ละส่วน แต่คำนามยังเป็นรูปเดิม เปลี่ยนแต่รูปกริยา เช่น
เอกพจน์ : The average British family has 3.6 members.
            ครอบครัวชาวอังกฤษ (ครอบครัวหนึ่ง ) มีสมาชิกโดยเฉลี่ย 3.6 คน
พหูพจน์: The families are always fighting among themselves. ครอบครัวนี้มักจะทะเลาะกันเอง
          (ประโยคนี้มีความหมายว่าสมาชิกในครอบครัวต่างทะเลาะกันเองทั้งครอบครัว   จึงใช้กริยาเป็นพหูพจน์)
เอกพจน์: The committee has reached its decision. คณะกรรมการได้ผลการตัดสินใจ
          (ของคณะกรรมการรวมกันทั้งคณะ)
พหูพจน์: The committee have been arguing all morning over what they should do.
         คณะกรรมการเถียงกันตลอดทั้งเช้าว่าควรจะทำ อะไร
        (กรรมการแต่ละคนนับเป็น 1 หน่วย ทั้งคณะจึงเป็นพหูพจน์)
Collective noun บางคำมีความหมายเป็นพหูพจน์เท่านั้น เช่น   people, police, cattle
นอกจากนี้ยังมีรูปแบบ คำวลีผสมด้วย of เพื่อเน้นให้ความเป็นหมู่หรือคณะให้ชัดเจนขึ้น รูปแบบคือ Collective noun + of + common noun ตัวอย่างเช่น

a flock of birds
a group of students
a flock of sheep
a pack of cards
a herd of cattle
a bunch of flowers
a fleet of ships
a kilo of pork

5. Concrete Nouns
เป็นคำนามของสิ่งที่มีรูปร่างสามารถสัมผัสได้ด้วยประสาททั้ง 5 ( touch- สัมผัสได้, sight-มองเห็นได้, taste-ชิมได้ , hearing- ได้ยิน, smell- ได้กลิ่น ) เช่น book , chair, water, oil , ice cream เป็นทั้งนามนับได้ และนับไม่ได้ มีลักษณะตรงกันข้ามกับ abstract nouns.

6. Material Nouns
  • เป็น common nouns ชนิดหนึ่งซึ่งมีรูปร่าง อยู่รวมกันเป็นกลุ่มก้อน แต่นับไม่ได้ เช่น

    ธาตุ: iron, gold, air, copper
    สารธรรมชาติ, สังเคราะห์: stone, cotton, brick, paper, cloth
    ของเหลวต่างๆ: water, coffee, wine, tea, milk
    อาหาร: rice, bread, sugar, pork, fish, butter, fruit, salad 
  • แสดงความมากน้อยด้วยปริมาณ (quantity)  เช่น
a bowl of rice
two boxes of cereal
five bottles of beer
a cup of tea
three bars of soap
two glasses of water
a loaf of bread
a slice of pizza
a piece of paper
a quart of milk

แต่ในการใช้ Material nouns ส่วนมากจะพูดสั้นๆ เช่น ในประโยคเกี่ยวกับ tea (ชา)

พูดในร้านอาหาร: I want some tea. ฉันขอชาหน่อย ( ในที่นี้หมายถึง I want a cup of tea. )
พูดในซูเปอร์มาร์เก็ต: I want some tea. ในที่นี้ผู้พูดหมายถึง I want a packet of tea.
พูดในร้านอาหารซึ่งมีชาหลายชนิด หลายยี่ห้อให้เลือก    เช่น ชาจีน ชาเขียว ชาญี่ปุ่น ชาอู่หลง เป็นต้น :
I like their teas. หมายถึง I like their selection of teas. (ฉันชอบชาหลากหลายชนิดที่มีให้เลือกของร้าน)

7. Mass nouns
เป็นคำนามสิ่งของที่นับไม่ได้ ทั้งมี และไม่มีตัวตน ( Uncountable nouns และ abstract nouns) เช่น sugar, iron, butter, beer, money, blood, furniture, vehicle, courage, gratitude, mercy, accuracy มีลักษณะดังนี้ คือ
  • จะไม่อยู่ในรูปพหูพจน์ 
  • ไม่ใช้ a, an , the นำหน้า ถ้าใช้เป็นการทั่วไป determiners ที่ใช้นำหน้าคือ some และ any เช่น
    Blood is thicker than water.  เลือดข้นกว่าน้ำ ( Uncountable)
    Depression often affects women immediately following the birth of their babies
          ผู้หญิงมักมีอาการซึมเศร้าตามมาหลังคลอดบุตรทันที (abstract nouns)
    He dropped some money on the floor. เขาทำเงินหล่นลงบนพื้น
หมายเหตุ
* บางตำรา mass nouns คือmaterial nouns + concrete nouns และแยก abstract nouns ออกเป็น nouns อีกประเภทหนึ่ง *คำนามบางคำตามความคิดของคนไทยน่าจะเป็นสิ่งของที่นับได้เช่น furniture, luggage, equipment, money แต่ในภาษาอังกฤษ จะมองเป็นของที่นับไม่ได้ จะนับได้ต่อเมื่อแยกเป็นส่วนย่อย เช่น furniture แยกเป็น table, chair เป็นต้น
หากสรุปโดยคิดว่าคำนามมี ประเภท การแยกกลุ่มจะเป็นไปตามตารางข้างล่างนี้    โดยตัวอย่างในบางคำนามจะซ้ำกับในคำนามอื่น เช่น water จะเป็นทั้ง concrete nouns และ material nouns และ honesty เป็นทั้ง mass nouns และ abstract nouns

Nouns
ประเภทคำนาม
ประเภทย่อย
ประเภทย่อย
ตัวอย่าง
Proper nouns


 John, London
Common nouns
Countable nouns


Concrete
 chair, book, student


Collective nouns
 two flocks of birds ,people
Uncountable Nouns




Concrete nouns
 ice cream, oil, water
Mass Nouns
 furniture, money, honesty
Material nouns
 water, bread, oxygen, gold
Abstract nouns
 honesty, friendship, honesty

ตาราง การใช้ Articles นำหน้าคำนาม ซึ่งในที่นี้เป็นหลักทั่วไปไม่รวมข้อยกเว้นต่างๆ   (ดูรายละเอียดข้อยกเว้นได้ในเรื่อง Articles)


Common Nouns
Proper Nouns
Countable Nouns
Uncountable Nouns
Singular
Plural
Singular
Plural
Singular
Plural
ไม่มี article
(John)
the
(the Jones)
ชี้เฉพาะ
(definite )
the
(the boy )
the
(the boys)
the
(the water )
-
ไม่เฉพาะ
(indefinite )
a/an
(a tiger)
ไม่มี article
( tiger)
ไม่มี article
(water)
-
-


Nouns
Countable/Uncountable Nouns - นามนับได้/ไม่ได้
 1. Countable Nouns (นามนับได้)
  • เป็นนามที่สามารถแยกนับจำนวนหนึ่ง สอง สาม... ได้ ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีรูปร่างก็ได้
    มีรูปร่าง (สามารถสัมผัสได้ ) เช่น dog, chair , tree, school, country, student, biscuit
    ไม่มีรูปร่าง  ( ไม่สามารถสัมผัสได้ ) - เช่น  day , month, year, weekend, journey
    กิจกรรม : job, assignment
  • มีทั้งรูปเอกพจน์และพหูพจน์
    เอกพจน์:  เช่น  dog, country, day, year
    พหูพจน์:   เช่น  dogs, countries, days, years
  • การใช้  นามนับได้เอกพจน์ ต้องนำหน้าด้วย Determiners อย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น
    I want an orange. (ไม่ใช่ I want orange.)
    Where is the bottle? (ไม่ใช่Where is bottle?)
    Do you want this book?
  • การใช้นามนับได้พหูพจน์อาจจะนำหน้าด้วย  Articles หรือไม่ก็ได้ เช่น
    I like to feed the birds. ( เฉพาะเจาะจง ต้องมี articles )
    Cats are interesting pets. ( ไม่เฉพาะเจาะจง ไม่ต้องมี  article )
    I want those books on the table. ( those เป็น determiners )
 2. Uncountable Nouns  ( นามนับไม่ได้ )
  • เป็นนามที่นับไม่ได้ เนื่องจากภาษาอังกฤษมองสิ่งนั้นในภาพรวมและคิดว่าไม่สามารถจะแยกเป็นส่วนได้  รวมทั้งความคิด การกระทำต่างๆที่เป็นรูปธรรม( abstract nouns ) ด้วย เช่น
    Concrete: เช่น  water, milk, butter, furniture, luggage, iron, equipment, clothing, garbage, junk
    Abstract  : เช่น anger, courage, satisfaction, happiness, knowledge
    ชื่อภาษาเช่น English, German, Spain
    กีฬาต่างๆ :เช่น hockey, football, tennis
    ชื่อวิชาต่างๆ: เช่น  sociology, medicine, anthropology
    กิจกรรมต่างๆ: swimming, eating
    อื่นๆ : news, money, mail ,work, homework, gossip, education, weather, difficulty, information, feminism, optimism, machinery, information,  research, traffic, scenery, breakfast, accommodation, advice, permission
  • มีรูปเอกพจน์  และเมื่อกล่าวถึงเป็นการทั่วๆไป หรือ ไม่ได้กล่าวถึงมาก่อน ไม่ต้องนำด้วย Articles เช่น
    I have bread and butter for breakfast every morning. ( ฉันกินขนมปังและเนยเป็นอาหารเช้าทุกวัน )
    We cannot live without air and water. ( เราไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยปราศจากอากาศและน้ำ )
    Information is often valuable.(ข้อมูลข่าวสารมักจะมีคุณค่า )
    Sunlight and water are usually required for plants to grow. ( แสงแดดและน้ำเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของพืช )
    My favorite breakfast is cereal with fruit, milk, orange juice, and toast.
  • Uncountable nouns ที่ทำหน้าทีประธานของประโยค จะต้องใช้ verb ด้วยหลักการเดียวกับคำนามเอกพจน์ เช่น
    Butter is fattening. ( เนยทำให้อ้วน )
  • ปกติจะมีรูปเป็นเอกพจน์   แต่ทำให้เป็นพหูพจน์ได้โดยบอกจำนวนตามภาชนะที่บรรจุ กลุ่ม น้ำหนัก และลักษณะนาม เช่น
    Two cups of water, three pieces of information, and five patches of sunlight
    three games of hockey, two lumps of sugar
    I need two lumps of sugar for my coffee.  ฉันกินกาแฟต้องใส่น้ำตาล  2 ก้อน
Two glasses of milk are enough. นมสองแก้วก็เพียงพอแล้ว  (ใช้ are เนื่องจาก glasses เป็นพหูพจน์)
  • เปรียบเทียบการใช้ articles   ของคำนามทั้งสอง ( this, that,, these, those นำมารวมในที่นี้ เนื่องจากเป็นการชี้เฉพาะเจาะจงเช่นเดียวกับ the )

a, an
the
this/that
these/those
no articles
Countable noun
singular
xx
xx
xx
-
-
Countable noun
plural
-
xx
-
xx
xx
Uncountable
-
xx
xx
-
xx
  • เช่น
    I want an orange. (ไม่ใช่ I want orange.)
    Where is the bottle? (ไม่ใช่Where is bottle?)
    Do you want this book?
    I want those books up there. 
  • เปรียบเทียบการใช้  Quantifiers  ของคำนามทั้งสอง

much, less, little, a little, very little, a large amount of,
some, any, most, more, all, a lot of, no, none of the,enough, other, the other,such
many, both, several, few/fewer/fewest, a few, one of the, a couple of, two, twenty
each, every, any, one
Countable singular



xx
Countable plural
( + s ที่คำนาม )

xx
xx

Uncountable
xx
xx


เช่น
Countable singular:
Out of every five men only two were fit.  มีผู้ชายสองในทุกๆห้าคนเท่านั้นที่สุขภาพแข็งแรง
I'd like one donut, please. ขอโดนัท 1 ชิ้นครับ
Countable plural:
Can I have some biscuitsขอขนมปังกรอบหน่อยได้ไหมคะ
She has a lot of books.  เธอมีหนังสือมากมาย
I have fewer pencils than you. ฉันมีดินสอน้อยกว่าคุณ
Uncountable:
Can I have some water. ขอน้ำหน่อยได้ไหมคะ
She has a lot of strength, and much is due to her upbringing.  เธอเป็นคนที่เข้มแข็งซึ่งเป็นผลมาจากการเลี้ยงดู I
have less courage than you. ฉันมีความกล้าน้อยกว่าคุณ
 3. คำนามที่เป็นได้ทั้ง Countable และ Uncountableคำนามบางคำสามารถเป็นได้ทั้งนามนับได้และนามนับไม่ได้ แล้วแต่การใช้ เช่น


abuse ( ใช้ในทางที่ผิด )
faith ( ความเชื่อ )
nature  ( ธรรมชาติ )
adulthood ( ความเป็นผู้ใหญ่)
fear ( ความกลัว )
paper ( กระดาษ )
afternoon ( ตอนบ่าย )
fiction ( เรื่องอ่านเล่น )
passion ( หลงไหล )
age ( อายุ )
film ( ภาพยนตร์ )
people ( ประชาชน )
anger ( ความโกรธ )
fish ( ปลา )
personality  ( บุคลิกภาพ )
appearance ( สิ่งที่ปรากฏแก่ตา )
flavor ( กลิ่น )
philosophy  ( ปรัชญา )
art ( ศิลปะ )
food ( อาหาร )
power ( พลัง )
beauty ( ความสวย )
friendship ( ความเป็นเพื่อน )
reading ( การอ่าน )
beer ( เบียร์ )
fruit ( ผลไม้ )
religion ( ศาสนา )
belief  ( ความเชื่อ )
glass ( แก้ว )
revision ( การทบทวน )
breakfast ( อาหารเช้า )
government ( รัฐบาล )
rock ( หิน )
cheese ( เนยแข็ง)
hair ( ผม )
science ( ศาสตร์,วิทยาศาสตร์ )
chicken ( ไก่ )
history ( ประวัติศาสตร์ )
school ( โรงเรียน )
childhood ( ความเป็นเด็ก )
innocence ( ความไร้เดียงสา )
shock ( ตกใจ งงงวย )
college ( วิทยาลัย )
jail ( คุก )
society ( สังคม )
competition ( การแข่งขัน )
jealousy ( ความอิจฉา)
sorrow ( ความเศร้าโศก)
crime ( อาชญากรรม )
language ( ภาษา)
space ( ที่ว่าง )
culture ( วัฒนธรรม )
law  ( กฏหมาย )
speech ( สุนทรพจน์ )
death ( ความตาย )
liberty  ( เสรีภาพ)
spirit ( วิญญาณ, จิตใจ )
divorce ( การหย่าร้าง )
life ( ชีวิต)
stone ( หินมีค่า )
disease ( โรค)
love ( ความรัก )
strength ( ความเข้มแข็ง )
drama ( บทละคร )
lunch  ( อาหารกลางวัน )
teaching ( การสอน )
duck ( เป็ด )
man  ( คน )
temptation ( สิ่งล่อ ยั่วยวนใจ)
education ( การศึกษา)
marriage ( การแต่งงาน )
theater ( โรงละคร)
environment ( สิ่งแวดล้อม )
meat ( เนื้อสัตว์)
theory ( ทฤษฎี )
evening ( ตอนเย็น)
metal ( โลหะ )
time ( เวลา)
exercise ( แบบฝึกหัด ออกกำลัง)
milk ( นม )
trouble ( ปัญหา )
fact ( ความจริง)
morning  ( ตอนเช้า )
wine ( เหล้าองุ่น )

ตัวอย่างเช่น

I like duck. ฉันชอบกินเนื้อเป็ด ( Uncountable noun)
I like ducks. ฉันชอบเป็ด (ชอบสัตว์ที่เรียกว่าเป็ด ) ( Countable noun)
Beer is a bitter drink. เบียร์เป็นเครื่องดื่มที่มีรสขม    (Uncountable noun)
I think I ordered two beersฉันคิดว่าฉันสั่งเบียร์ไปสองแก้วนะ ( Countable noun)
Life is full of surprise. ชีวิตเต็มไปด้วยสิ่งที่ทำให้ประหลาดใจ ( Uncountable noun)
A cat has nine lives. แมวมีเก้าชีวิต ( Countable noun)
Paper is made from wood. กระดาษทำจากไม้ ( Uncountable noun)
She wrote three papers in one week. เธอเขียนเอกสารสามฉบับในหนึ่งสัปดาห์  (Countable noun  )
Religion has been a powerful force in history. ศาสนาเป็นสิ่งที่ทรงอิทธิพลในประวัติศาสตร์ ( Uncountable noun)
Many religions are practiced in the United States. มีคนนับถือหลายศาสนาในสหรัฐอเมริกา ( Countable noun)

 4.คำนาม uncountable nouns ที่ไม่นิยมใช้เป็น countable  (ทำให้เป็น plural ) เช่น

alcohol ( แอลกอฮอล์)
knowledge ( ความรู้ )
clothing ( เสื้อผ้า )
lighting ( ฟ้าแลบ )
courage ( ความกล้าหาญ )
thunder ( ฟ้าผ่า )
freedom (อิสรภาพ )
machinery ( เครื่องจักร )
fun ( ความสนุก )
money ( เงิน )
furniture ( เครื่องเรือน )
music ( ดนตรี )
information ( ข้อมูล ข่าวสาร )
scenery ( ทิวทัศน์ )
intelligence ( เชาวน์,ปัญญา)
traffic ( การจราจร )










ขอบคุณที่มา : http://englishlanguageaphiwat.blogspot.com/p/nouns-types_26.html